นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 33.61 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้า ที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.78 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทปรับตัวแข็งค่าจากช่วงเช้า โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 33.59-33.80 บาท/ดอลลาร์ ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่า รองจากริงกิต มาเลเซีย ซึ่งเป็นการแข็งค่าตามราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นระหว่างวัน ขณะที่สกุลเงินอื่นในภูมิภาคเป็นการ เคลื่อนไหวแบบผสม คือมีทั้งอ่อนค่า และแข็งค่า
สำหรับพรุ่งนี้ ปัจจัยที่จะกระทบต่อค่าเงินอย่างมาก คือ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะเริ่มทยอยรับรู้ผลการลง คะแนนในบางรัฐ ซึ่งจะทำให้ค่าเงินมีโอกาสผันผวนได้มากในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ในประเทศ จะมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ต.ค. จากกระทรวงพาณิชย์
ส่วนคืนนี้ สหรัฐฯ จะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ คือ ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.50 - 33.85 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 152.15 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 152.41 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0874 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,481.67 จุด เพิ่มขึ้น 18.72 จุด (+1.28%) มูลค่าซื้อขายราว 39,319.46 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,481.02 ล้านบาท
- ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก มั่นใจยอดส่งออกในปีนี้จะขยายตัวได้เกิน 2%
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-3 พ.ย. 67 รวมทั้ง
- สมาคมธนาคารไทย เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อลดภาระทางการเงิน ให้แก่ลูกหนี้รายย่อย และธุรกิจขนาดเล็ก ทั้ง
- นายกรัฐมนตรีจีน มั่นใจว่า จีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5% ในปีนี้ โดยเศรษฐกิจจีน
- นักวิเคราะห์จากธนาคารมิซูโฮ คาดการณ์ว่า เงินเยน อาจร่วงลงแตะ 160 เยน/ดอลลาร์ได้ หาก "โดนัล ทรัมป์" ชนะ
- ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.35% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการคง
ดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่ 8 ติดต่อกัน พร้อมคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลีย จะยังไม่กลับสู่จุดกึ่งกลางของกรอบเป้าหมายที่
ระดับ 2-3% จนกว่าจะถึงปี 2569