ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการมีมติเห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2567/68 จำนวน 3 โครงการ รวมวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 60,085.01 ล้านบาท ได้แก่
1. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี วงเงินงบประมาณ 43,843.76 ล้านบาท
2. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร วงเงินงบประมาณ 15,656.25 ล้านบาท
3. โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก วงเงินงบประมาณ 585 ล้านบาท โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว จัดทำรายละเอียดโครงการที่ 1 และ 2 และกรมการค้าภายใน จัดทำรายละเอียดโครงการที่ 3 เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป *สถานการณ์ข้าวไทย ปีการผลิต 2567/68
พื้นที่เก็บเกี่ยวและผลผลิตข้าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูก
โดยรอบที่ 1 นาปี มีพื้นที่เพาะปลูก 62.12 ล้านไร่ ลดลงจากปีก่อน 0.1 ล้านไร่ หรือ 0.2% พื้นที่เก็บเกี่ยว 60.29 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.03 ล้านไร่ หรือ 0.05% ผลผลิตที่ได้ 27.04 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.21 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 1%
รอบที่ 2 นาปรัง มีผลผลิต 7.17 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.95 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 15%
ส่วนสถานการณ์ราคาข้าวเปลือก ค่าความชื้น 15% ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 15,750 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,000 บาท ข้าวปทุมธานี มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 13,050 บาท เพิ่มจากปีก่อน 500 บาท ข้าวเจ้า มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 9,550 บาท ลดลง 1,600 บาท ข้าวเหนียว มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 13,600 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 200 บาท
ในส่วนของราคาข้าวเปลือกค่าความชื้น 30% ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 12,200 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 800 บาท ข้าวปทุมธานี มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 10,100 บาท เพิ่มจากปีก่อน 400 บาท ข้าวเจ้า มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 7,400 บาท ลดลง 1,200 บาท ข้าวเหนียว มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 10,500 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 100 บาท
ทั้งนี้ ในช่วงม.ค.-ก.ย. 67 อินเดียส่งออกข้าวได้เป็นอันดับ 1 ของโลก ประมาณ 11.84 ล้านตัน รองลงมาเป็นประเทศไทย ส่งออกประมาณ 7.45 ล้านตัน เพิ่มขึ้นถึง 22% จากปีก่อน เป็นปัจจัยเชิงบวกจากตลาดต่างประเทศที่มีแนวโน้มนำเข้าข้าวมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศ