นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 19 พ.ย.นี้ กระทรวงการคลังได้เตรียมหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา ซึ่งประกอบด้วยมาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวมทั้งมาตรการของขวัญปีใหม่ ที่จะออกมาแน่นอน
นอกจากนี้ จะมีการหารือถึงความคืบหน้าของโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตด้วย โดยจะมาพิจารณาข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมว่าจะดำเนินการแจกเงินให้กับประชาชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายใดก่อน และจะเริ่มแจกได้เมื่อไร
ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการแจกเงินหมื่นในเฟสต่อไปให้แก่ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปนั้น รมช.คลัง ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ แต่ก็ต้องมาหารือในรายละเอียดอีกครั้ง โดยมองว่ากลุ่มผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มที่มีความเหมาะสม เพราะเป็นกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนมากกว่ากลุ่มอื่น เพราะมีความสามารถในการหารายได้ที่ต่ำกว่ากลุ่มอื่น และมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะแจกเป็นเงินสดในก้อนเดียว 10,000 บาท
ส่วนผู้สูงอายุที่จะได้รับเงินในส่วนนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น "ทางรัฐ" เท่านั้น และกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงินในเฟสแรก ไปแล้วจะถือว่าหมดสิทธิ์
"ตอนนี้เรามีตัวเลขหมดแล้ว ว่าคนอายุ 60 ปี ที่เข้าข่ายได้รับเงินมีเท่าไร ซึ่งไม่เยอะ แต่ยังเปิดเผยตัวเลขไม่ได้ เพราะต้องรอข้อสรุปจากที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อน ซึ่งสุดท้ายแล้ว ข้อสรุปอาจจะออกมาว่าให้แจกตั้งแต่คนอายุ 50 ปีขึ้นไปเลยก็ได้...ส่วนจะจ่ายได้ทันภายในปีนี้ หรือจะเป็นต้นปีหน้า ก็คงต้องรอดูความเหมาะสม แต่ยืนยันว่าทุกคนที่ลงทะเบียน ควรจะได้รับเงินทุกคน" นายเผ่าภูมิ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลจะดำเนินการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปในเร็ว ๆ นี้นั้น รมช.คลัง กล่าวว่า เป็นอีกความเห็นหนึ่งที่ต้องรับฟัง ขณะเดียวกันก็ต้องรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า การที่รัฐบาลดำเนินการจ่ายเงิน 10,000 บาท โดยให้เฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุก่อน เนื่องจากรัฐบาลมีเงินไม่พอนั้น รมช.คลัง ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง รัฐบาลมีวงเงิน 1.8 แสนล้านบาทอยู่ในกระเป๋า ซึ่งเพียงพอรองรับการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอยู่แล้ว
นายเผ่าภูมิ กล่าวถึงผลจากการแจกเงินหมื่นบาทให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านราย พบว่า ผลออกมาค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการใช้จ่ายสูง โดยตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.3-4.4% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง เป็นผลมาจากหลายปัจจัย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มาจากการกระจายเม็ดเงิน 10,000 บาทของรัฐบาลด้วย