โตเกินคาด! สภาพัฒน์ เผย GDP ไตรมาส 3/67 โต 3% ขยับเป้าปีนี้โต 2.6%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 18, 2024 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โตเกินคาด! สภาพัฒน์ เผย GDP ไตรมาส 3/67 โต 3% ขยับเป้าปีนี้โต 2.6%

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/67 ขยายตัว 3.0% จากตลาดคาด 2.4-2.7% และเร่งขึ้นจาก 2.2% ในไตรมาส 2/67 ปัจจัยหลักมาจากการผลิตภาคนอกเกษตรที่ขยายตัวเร่งขึ้น ตามการขยายตัวของกลุ่มบริการ และการลงทุนภาครัฐเร่งขึ้น 25.9% จากการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน

"เหตุผลหลัก ๆ ที่ GDP ไตรมาส 3 โตได้ 3% มาจากการลงทุนที่เร่งตัวขึ้น การผลิตในภาคต่าง ๆ ยังเติบโตได้ รวมทั้งภาคการส่งออก ที่เติบโตได้ดีมากในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ เป็นผลจากฐานของ GDP ไตรมาส 3 ปีก่อนที่นำมาคำนวณ" เลขาธิการ สภาพัฒน์ ระบุ

เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการลงทุนรวมในไตรมาส 3 ปีนี้ ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส ที่ 5.2% ส่วนการลงทุนภาครัฐ ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส ที่ 25.9% ซึ่งหนุนให้การผลิตในสาขาก่อสร้าง ขยายตัวถึง 15.5% ขยายตัวครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน ยังหดตัว 2.5% ตามการลดลงของการลงทุนในหมวดยานยนต์ โดยเฉพาะรถบรรทุก และยานพาหนะอื่น ๆ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรฐานสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นของสถาบันการเงิน

"การลงทุนรวม ขยายตัวครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส ซึ่งเป็นผลจากการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ รวมทั้ง BOI ที่ได้เร่งรัดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับบัตรส่งเสริมลงทุนไปแล้ว เร่งลงทุนจรง ทำให้ภาคก่อสร้าง ขยายตัวได้ถึง 15.5% เติบโตครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส" นายดนุชา ระบุ

สำหรับภาคการส่งออกในไตรมาส 3 มีมูลค่า 77,221 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวในเกณฑ์สูงที่ 8.9 ตามการขยายตัวเร่งขึ้นของปริมาณการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร ส่วนการนำเข้าสินค้ามีมูลค่า 71,448 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวในเกณฑ์สูงที่ 11.3% เร่งขึ้นตามการขยายตัวของการนำเข้าในทุกหมวดสินค้า ส่งผลให้เกินดุลการค้า 5.8 พันล้านดอลลาร์

* คาดศก.ไทยปี 67 โต 2.6%

เลขาธิการสภาพัฒน์ ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 67 คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.6% จากเดิมคาดโต 2.5% โดยอัตราเงินเฟ้อ คาดว่าจะอยู่ที่ 0.5% การส่งออก ขยายตัว 3.8% ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 2.5% ของ GDP การลงทุนภาครัฐ ขยายตัว 2.4% การลงทุนภาคเอกชน -0.5% การบริโภคภาคเอกชน ขยายตัว 4.8% และการอุปโภคภาครัฐ ขยายตัว 1.7%

ทั้งนี้ จากสมมติฐานที่คาดว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้ จะขยายตัวได้ 3% อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท เฉลี่ยที่ 35.40 บาท/ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ยที่ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 36 ล้านคน คิดเป็นรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท

สำหรับการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปีนี้ เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญดังต่อไปนี้

1. การขับเคลื่อนภาคการส่งออกให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับความพร้อมในการเตรียมรับมือกับผลกระทบจากการยกระดับมาตรการกีดกันทางการค้าที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้น 2. การปกป้องภาคการผลิตจากการทุ่มตลาด และการใช้นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม 3.การขับเคลื่อนการลงทุนภาคเอกชน 4.การดูแลเกษตรกร และสนับสนุนการปรับตัวในการผลิตภาคเกษตร

* รอสำรวจการใช้จ่าย ก่อนประเมินแจกเงินหมื่น

นายดนุชา กล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการโอนเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเปราะบางและผู้พิการ ในช่วงปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมานั้น เม็ดเงินจากการใช้จ่ายในส่วนนี้ จะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยระหว่างนี้กระทรวงการคลัง, สำนักงานสถิติแห่งชาติ และสภาพัฒน์ กำลังทำการสำรวจการใช้จ่ายเงิน 10,000 บาทที่กลุ่มเปราะบางได้รับไป ว่าเป็นการใช้จ่ายในส่วนใด และจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจอย่างไร

"เงินหมื่นบาท จะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปีนี้ ต้องไปสำรวจก่อนเพื่อประเมินการใช้จ่ายว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้แค่ไหน เพราะเรื่องนี้ ขึ้นกับการใช้จ่ายอะไร ไม่ใช่แค่การใส่เงินเข้าไป แต่ต้องดูรูปแบบการใช้จ่ายด้วย ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการทำการสำรวจ ซึ่งการจ่ายเงินสด จะค่อนข้างประเมินได้ยากว่านำไปใช้จ่ายอะไร กลุ่มตัวอย่างค่อนข้างเยอะ ต้องรอดูจากผลการสำรวจก่อน เพื่อให้ได้คำตอบว่านำไปใช้จ่ายอะไร และจะส่งอะไรต่อเศรษฐกิจไทยบ้าง" เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ