คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจนัดแรก เห็นชอบหลักการมาตรการสำคัญ คือ การแจกเงิน 1 หมื่นบาทเฟส 2 ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีไม่เกินเทศกาลตรุษจีนในปี 68
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังเห็นชอบหลักการปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือนใน 3 กลุ่ม ได้แก่ บ้าน รถยนต์ และหนี้เพื่อการบริโภค โดยให้มีการพักชำระดอกเบี้ย 3 ปี เพื่อบรรเทาภาระในช่วงแก้ไขปัญหา , มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร และ สั่งให้หามาตรการมาตอบโจทย์ผู้มีรายได้น้อยที่อยากมีบ้านและช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ชะงักงัน เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์
*แจกเงินหมื่น เฟส 2
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า การโอนเงินหมื่นในเฟส 2 ไปยังกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะทำได้ไม่เกินช่วงเทศกาลตรุษจีนในปี 68 ( 29 ม.ค.68) โดยจะต้องเป็นผู้สูงอายุที่มีสมาร์ทโฟนและลงทะเบียนร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ในช่วงที่เปิดให้ลงทะเบียน ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ และผ่านกระบวนการ KYC แล้ว รวมทั้งต้องไม่เป็นกลุ่มที่เคยได้รับเงิน 10,000 บาทในเฟสแรก
"ถือว่าคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางระดับหนึ่ง โดยส่วนใหญ่มีเงินเก็บไม่มากนัก ซึ่งการแจกเงินนั้นจะโอนเป็นเงินสด เหมือนเดิม" รมช. คลัง กล่าว
ส่วนการลงทะเบียนกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนนั้น รมช.คลัง ยอมรับว่า รัฐบาลจะเปิดให้คนกลุ่มนี้เข้ามาลงทะเบียนร่วมโครงการได้ในเร็ว ๆ นี้
สำหรับการเติมเงินในเฟสที่ 3 คาดว่าจะมีการทบทวนรายละเอียดของแนวปฏิบัติและผลของการดำเนินมาตรการในเฟสที่ 1 และ 2 รวมทั้งรอให้ระบบต่าง ๆ พร้อม คาดว่าจะดำเนินการได้ในเม.ย.-มิ.ย.68
*ปรับโครงสร้างหนี้ภาคครัวเรือน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า คณะกรรมการเห็นชอบหลักการให้กระทรวงคลังสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ในรูปแบบลดภาระภาคครัวเรือน โดยเป็นกลุ่มครัวเรือนที่มีปัญหาหนี้ไม่เกิน 1 ปี ถือเป็นกลุ่มที่น่าจะขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้ และอยู่ในช่วงฟื้นตัว
แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มหนี้บ้าน กลุ่มหนี้รถยนต์ และกลุ่มหนี้จากการใช้จ่ายเพื่อบริโภค เมื่อรวมทั้ง 3 กลุ่มจะมีวงเงินหนี้ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท โดยสิ่งที่จะลดภาระได้ คือ งดชำระดอกเบี้ย 3 ปี รวมถึงจะช่วยเหลือการผ่อนชำระเงินต้น หากเป็นไปได้จะให้มีการผ่อนน้อยลง ถือเป็นหลักการใหญ่ ๆ ที่ดำเนินการอยู่
แต่การลดดอกเบี้ยใน 3 ปีสำหรับคนที่ปฏิบัติได้ดีจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องเงินต้น แต่หากปฏิบัติไม่ดีต้องรับภาระหนี้ตามเดิม ซึ่งเรื่องนี้ยังอยู่ในหลักการ ขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขแน่นอน ซึ่งได้มีการแจ้งหลักการนี้ให้ทุกส่วนได้รับทราบแล้ว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและมองว่าเป็นเรื่องสำคัญ
อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างหนี้จะมีความชัดเจนว่าจะไปในทิศทางใดหลังวันที่ 20 พ.ย.นี้ และย้ำว่าในเรื่องนี้ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้การสนับสนุนและเห็นด้วยตั้งแต่แรกว่าเป็นปัญหาเร่งด่วน จึงได้ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด แต่รายละเอียดยังมีอีกมาก ซึ่งผู้ว่าธปท.รับปากว่าจะดูให้ดีที่สุด
นายจุลพันธ์ กล่าวเสริมว่า เหตุที่การปรับโครงสร้างหนี้ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากต้องดูหลายมิติ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธนาคาร รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ทุกคนก็พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนในการลดหนี้ครัวเรือน ดังนั้นทุกฝ่ายต้องคุยกันเพื่อหาข้อสรุป และจะแถลงรายละเอียดอีกครั้ง
*ภาคอสังหาริมทรัพย์
นายพิชัย กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ฝากให้ไปแก้โจทย์ภาคการอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องสนับสนุน เพื่อตอบโจทย์คนที่มีรายได้น้อยยังไม่มีที่อยู่อาศัย ขณะที่คนก่อสร้างก็อยากจะสร้างบ้าน
*ภาคเกษตร
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จะเป็นการช่วยเหลือระยะสั้น เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยจะเป็นการช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งกระทรวงคลัง จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเดินหน้าโครงการนี้ไม่ให้เป็นภาระต่องบประมาณระยะยาว โดยจะมีการปรับกรอบรายละเอียดของโครงการบางส่วน ซึ่งต้องหารืออีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะใช้เกณฑ์ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่/ครัวเรือนหรือไม่ คงต้องรอการประชุมก่อน และมีความเป็นไปได้ที่จะออกมาตรการเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับเกษตรกร