ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.63 แกว่งไร้ทิศทาง รอปัจจัยใหม่หนุน คาดกรอบพรุ่งนี้ 34.50-34.75

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 21, 2024 17:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 34.63 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับ ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.64 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทวันนี้ยังเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทาง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 34.57-34.73 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่สกุลเงินอื่นในภูมิภาคมีทั้งอ่อนค่า และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

"บาทวันนี้ยังไร้ทิศทาง เพราะไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ ๆ มีอ่อนค่าบ้างระหว่างวัน ส่วนภูมิภาคก็ผสมกัน มีทั้งอ่อนค่า และแข็ง ค่า" นักบริหารเงินระบุ

ช่วงนี้ ตลาดจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยเฟด รวมทั้ง ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งหากมีการโจมตีกันรุนแรง ตลาดก็จะปิดรับความเสี่ยง และหันไปถือสินทรัพย์ ปลอดภัย เช่น ดอลลาร์สหรัฐ เงินเยน และฟรังก์สวิส รวมทั้งทองคำ

คืนนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ตลาดรอติดตาม คือ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดขายบ้านมือสอง

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.50 - 34.75 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 154.40 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 154.92 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0517 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0546 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,440.46 จุด ลดลง 22.02 จุด (-1.51%) มูลค่าการซื้อขาย 41,553.85 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,108.51 ลบ.(SET+MAI)
  • นายกรัฐมนตรี ร่วมสนทนา one-on-one ในงาน Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 โดยกล่าวถึงความ
มุ่งมั่นของไทยที่เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการเสริมสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยมาตรการระยะสั้น
กลาง และยาว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจและการเดินทาง เสริมสร้างความร่วมมือ
กับภาคเอกชน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหลัก เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล การเชื่อมโยง การปรับโครงสร้างหนี้ของครัวเรือนและ SME
  • ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) คาดว่า GDP ในไตรมาส 4/67 จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.7% หลังจากการผ่อนคลายนโยบายการ
คลังที่มีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ด้านปัจจัยอื่น อาทิ ความไม่แน่นอน
ทางนโยบายที่ลดลงและค่าเงินบาทที่อ่อนค่า จะสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ย ส่วนภาคการท่องเที่ยวยังคงมีความท้าทาย
  • ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ระบุว่า การเคลื่อนไหวของทองคำ
ในช่วงนี้ เป็นการขายทำกำไร หลังจากช่วงก่อนหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องขึ้นไปและ 2,790 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งถือว่าปรับ
ตัวขึ้นไปมากกว่าที่ตลาดคาด จึงทำให้มีแรงเทขายออกมารอบใหญ่ แต่ในส่วนของภาพระยะยาวนั้นยังเป็นขาขึ้น โดย YLG ยังคงเป้าหมาย
ทองคำที่ 2,850-3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ขณะที่เป้าหมายของทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ อยู่ที่ระดับ 46,800-49,250
บาทต่อบาททองคำ (ณ อัตราแลกเปลี่ยน ที่ระดับ 34.60 บาทต่อดอลลาร์) และอาจจะไปได้ถึง 50,000 บาทต่อบาททองคำ
  • ที่ปรึกษารัฐบาลจีนแนะนำให้รัฐบาลคงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ราว 5.0% สำหรับปีหน้า พร้อมผลักดันให้ใช้
นโยบายกระตุ้นด้านการคลังที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออก
ของจีน
  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยรายงานทบทวนเสถียรภาพด้านการเงิน (Financial Stability Review) รอบ
ครึ่งปีเมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) โดยระบุว่า สถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้สร้างความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจยูโรโซน และ
ยังระบุด้วยว่า เศรษฐกิจที่ขยายตัวอ่อนแอลงถือเป็นภัยคุกคามมากกว่าภาวะเงินเฟ้อสูงในกลุ่มยูโรโซนซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิก 20
ประเทศ
  • สื่อต่างประเทศ รายงานว่า นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เตรียมเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 21.9 ล้านล้านเยน
(1.4 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อจัดการกับความท้าทายต่าง ๆ ที่ประเทศต้องเผชิญ ตั้งแต่เงินเฟ้อไปจนถึงการปรับขึ้นค่าจ้าง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ