ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.56/60 แข็งค่าจากเช้า จับตารายงานตัวเลขศก.สำคัญสหรัฐฯ คืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 27, 2024 17:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 34.56/60 บาท/ดอลลาร์ ปรับแข็งค่า จากเปิดเมื่อเช้าที่ระดับ 34.68 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน จากปัจจัยราคาทองคำเป็นหลัก โดยระหว่างวันเงิน บาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.60 - 34.70 บาท/ดอลลาร์

"เมื่อต้นสัปดาห์ ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปสูงมาก และทยอยปรับย่อลงมาตั้งแต่เมื่อวาน ต่อเนื่องมาถึงเช้าวันนี้ แต่ช่วงปิดตลาด วันนี้ราคาทองกลับขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ดอลลาร์ที่แข็งค่าในช่วงเช้า กลับมาอ่อนค่าในช่วงบ่าย ส่งผลให้เงินบาทปิดตลาดแข็งค่า" นักบริหาร เงิน ระบุ

สำหรับคืนนี้ ตลาดรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ทั้งดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE), ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/67 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 34.50 - 34.80 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ 151.36/38 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 152.82 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ 1.0514/0515 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0493 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,430.40 จุด ลดลง 7.85 จุด (-0.55%) มูลค่าการซื้อขาย 36,708.78 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 102 ลบ.(SET+MAI)
  • สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ต.ค. 67 หดตัว 0.91% เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค. 67) หดตัวเฉลี่ย 1.63% พร้อมปรับประมาณการดัชนี MPI ปีนี้
หดตัว 1.6% และ GDP ภาคอุตสาหกรรม หดตัว 1% ส่วนปี 68 คาดดัชนี MPI และ GDP ภาคอุตสาหกรรมจะกลับมาขยายตัว 1.5-
2.5% หลังการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง
  • SCB EIC ปรับเพิ่มประมาณการส่งออกไทยปี 67 เป็น 3.9% จากเดิม 2.6% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลก
และปริมาณการค้าโลกปี 67 ขยายตัวตามคาด, ข้อมูลจริงของการส่งออกไทยดีกว่าคาดต่อเนื่อง และแนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของ
ปี 67 มีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ปรับลดประมาณการส่งออกปี 68 เหลือ 2.0% (เดิม 2.8%) เนื่องจากปริมาณการค้าโลกมีปัจจัย
เสี่ยงด้านลบมากขึ้น, เศรษฐกิจโลกในปี 68 จะเผชิญความท้าทายจากนโยบาย Trump 2.0, นโยบาย Trump 2.0 จะส่งผลกระทบโดย
ตรงต่อการส่งออกไทย และปัจจัยจากฐานสูงของการส่งออกไทยปีนี้
  • ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ระบุว่า การลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบ
สถาบันการเงิน (FIDF) จาก 0.46% เหลือ 0.23% เพื่อดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องได้รับ
ความร่วมมือจากธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงสถาบันการเงิน ซึ่งเชื่อว่าการลดเงินนำส่งดังกล่าว จะไม่มีผลกระทบต่อสัดส่วนหนี้
สาธารณะของประเทศอย่างแน่นอน
  • ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 6-7 พ.ย. โดยระบุว่ากรรมการเฟดมีความเห็นที่
แตกต่างกันในประเด็นที่ว่าเฟดอาจจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกมากเท่าใด อย่างไรก็ดี กรรมการเฟดก็มีความเห็นตรงกันว่า นับ
จากนี้ไปเฟดควรจะหลีกเลี่ยงการชี้นำมากเกินไปเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีน ร่วงลง 10% ในเดือนต.ค. เมื่อ
เทียบรายปี ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ยังไม่ช่วยให้ผลประกอบการของภาคเอกชนฟื้นตัวขึ้นได้
  • คืนนี้ สหรัฐฯ จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้

จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนต.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส

3/2567 (ประมาณการครั้งที่ 2) และ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ