นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในกำกับของ สคร. จำนวน 43 แห่ง ได้แก่ รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีบัญชีตามปีงบประมาณ (รัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ) จำนวน 34 แห่ง และรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีบัญชีตามปีปฏิทิน (รัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน) จำนวน 9 แห่ง มีการเบิกจ่ายงบลงทุนจนถึงเดือนต.ค.67 รวมแล้ว 229,812 ล้านบาท หรือคิดเป็น 97% ของแผนการเบิกจ่าย
แยกเป็น การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ (ต.ค.66 - ก.ย.67) ซึ่งได้สิ้นสุดการเบิกจ่ายงบลงทุนประจำปี 2567 แล้วจำนวน 109,342 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% ของแผนการเบิกจ่าย และรัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน (ม.ค. - ต.ค.67) จำนวน 120,470 ล้านบาท หรือคิดเป็น 103% ของแผนการเบิกจ่าย
ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ ที่เบิกจ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 95% ของแผนการเบิกจ่ายและมีมูลค่าสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และการประปานครหลวง (กปน.) ขณะที่รัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน ที่เบิกจ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 95% ของแผนการเบิกจ่ายและมีมูลค่าสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และ บมจ. ปตท. (PTT)
ขณะที่เดือน ต.ค.67 รัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ ได้เริ่มการเบิกจ่ายงบลงทุนเป็นเดือนแรกของปี 2568 โดยมีผลการเบิกจ่ายจำนวน 9,726 ล้านบาท คิดเป็น 117% ของแผนการเบิกจ่าย ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ ที่เบิกจ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 95% ของแผนการเบิกจ่ายและมีมูลค่าสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ รฟม. การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และ กปน.
ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า ในปี 2567 รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบลงทุนได้ 229,812 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 219,103 ล้านบาท คิดเป็น 82% เมื่อเทียบกับกรอบงบลงทุนทั้งปีจำนวน 278,602 ล้านบาท ซึ่งรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ ได้สิ้นสุดการเบิกจ่ายแล้วเมื่อเดือนก.ย.67 และรัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน อยู่ระหว่างการเบิกจ่ายในไตรมาสสุดท้ายของปี
"สคร. ได้กำชับให้กระทรวงเจ้าสังกัด และผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน กำกับดูแล และเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน เพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมาย ไม่น้อยกว่า 95%" นายธิบดี กล่าว
สำหรับปี 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปี 2568 ซึ่ง สคร. ได้แจ้งให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวโดยเคร่งครัด และให้กระทรวงเจ้าสังกัด กำกับติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการลงนามในสัญญาเพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายในช่วงไตรมาสที่ 1 - 2 เพื่อให้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป