ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทระหว่างวันที่ 2-6 ธ.ค.67 ที่ระดับ 33.90-34.60 บาท/ ดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สกุลเงินเอเชีย และราคาทองคำในตลาดโลก
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค. ดัชนี ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนพ.ย. ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนพ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองของผู้บริโภคเดือนธ.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 ของยูโรโซน ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น จีน ยูโรโซน อังกฤษด้วยเช่นกัน
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (25-29 พ.ย.) เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ ตามทิศทางเงินหยวน และสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ซึ่งเผชิญแรงกดดันจากความกังวลต่อประเด็นทางด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวถึงการเตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก
อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวแข็งค่ากลับมาช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก และเงินเยน ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการคาดการณ์ถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ BOJ ในเดือนธ.ค. ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายสอดคล้องกับการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE และ Core PCE เพิ่มขึ้นตามที่ตลาดคาด โดยข้อมูลดังกล่าว กระตุ้นให้ตลาดกลับมาประเมินว่า ยังคงมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมเดือน ธ.ค.นี้
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 29 พ.ย. เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 34.40 บาท/ดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 34.58 บาท/ดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (22 พ.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ระหว่างวันที่ 25-29 พ.ย.67 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 4,282.1 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 5,166 ล้านบาท (แบ่งเป็น ซื้อสุทธิพันธบัตร 5,170 ล้านบาท หักด้วยตราสารหนี้หมดอายุ 4 ล้านบาท)