นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 68 จะขยายตัวได้ 1-3% ขณะที่ปรับเพิ่มประมาณการส่งออกไทยปีนี้เป็น 3.5-4% โดยมีมูลค่าร่าว 10 ล้านล้านบาท สูงกว่าประมาณการที่วางไว้เดิม 1-2% เนื่องจากช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.67) สามารถทำได้ดี ส่งผลให้เฉลี่ย 10 เดือนแรกขยายตัวแล้ว 4.9% ดังนั้น ช่วงอีก 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ (พ.ย.-ธ.ค.) จึงเชื่อว่าจะทำได้เกินเป้าหมายอย่างแน่นอน
"การส่งออกปีนี้น่าจะมีความชัดเจนแล้วว่าจะขยายตัว 3% แน่นอน ส่วนจะมากกว่านั้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับการผลักดันการส่งออกสินค้าอิเลคทรอนิกส์และทอง" นายชัยชาญ กล่าว
ประธาน สรท. กล่าวว่า ภาวะการส่งออกในเดือน ต.ค.ที่ขยายตัวได้กว่า 14% นั้น เนื่องจากการส่งออกทองราว 2 พันล้านดอลลาร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อีกราว 1 พันล้านดอลลาร์ หากตัดยอดส่งออกทอง น้ำมัน และอาวุธสงครามออกไป ยอดส่งออกเดือน ต.ค.จะขยายตัวแค่ 2.8% และหากจะให้การส่งออกปีนี้ขยายตัวได้ 3% ช่วง 2 เดือนที่เหลือจะต้องมียอดส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ถ้าจะให้เป็น 4% ต้องมียอดส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์
"สถานการณ์สงครามการค้าที่จะเริ่มต้นในช่วงต้นปี 68 เป็นตัวเร่งให้มีการส่งออกสินค้าอิเลคทรอนิคส์มากขึ้นกว่าปกติ" นายชัยชาญ กล่าว
พร้อมมองว่า ปัจจัยสำคัญที่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
1.ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้า และนโยบายอื่นของสหรัฐฯ
2.ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม (PMI) ยังคงชะลอตัวในตลาดสำคัญ แม้จะเข้าสู่วัฎจักรขาขึ้นของสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
3.เงินบาทยังมีความผันผวนจากความไม่แน่นอนของทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
4.สถานการณ์ค่าระวางขนส่งสินค้าทางทะเลมีความผันผวน
5.มาตรการทางการค้าที่ยังต้องเฝ้าระวัง เช่น การกลับมาส่งออกข้าวของอินเดีย, สหภาพยุโรปเลื่อนบังคับใช้ EUDR ออกไปเป็นปี 2569
ทั้งนี้ สรท.มีข้อเสนอแนะที่สำคัญ ดังนี้
1.เร่งลดต้นทุนการทำธุรกิจให้กับผู้ส่งออก ได้แก่ ต้นทุนการประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และต้นทุนการประกันความเสี่ยงการชำระเงินค่าสินค้า
2.เพิ่มงบประมาณและจำนวนความถี่ในการจัดส่งเสริมกิจกรรมการค้าทั้งในกลุ่มประเทศคู่ค้าหลักและตลาดลำดับรอง
3.เร่งรัดการเจรจาการค้าเสรีในกรอบที่มีอยู่เดิม และเพิ่มการเจรจาในตลาดศักยภาพใหม่
"ถ้าปีนี้เราทำได้ 4% จะดีกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 2% จึงอยากขอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณมาใช้เพื่อสนับสนุนมาตรการที่จะเพิ่มศักยภาพการส่งออก หลังจากทำได้แล้วให้เติบโตต่อเนื่องอย่างไร้รอยต่อ" นายชัยชาญ กล่าว
ประธาน สรท.กล่าวว่า ในปีหน้าทิศทางการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมอาหารน่าจะยังคงเป็นสินค้าตัวหลัก เนื่องจากไทยมีห่วงโซ่อุตสาหกรรมครบวงจร ซึ่งผู้ประกอบการต้องเร่งสร้างเอกลักษณ์สินค้าทดแทนการรับจ้างเป็นผู้ผลิต ที่ผ่านมาถือว่าสามารถฟันฝ่าสงครามการค้าในระยะแรกมาได้แล้ว ส่วนในระยะกลางและระยะยาวต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ไม่ประมาท