ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.36/38 แข็งค่าตามภูมิภาค คาดกรอบพรุ่งนี้ 34.30 - 34.50

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 3, 2024 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 34.36/38 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่า จากเปิดตลาดเมื่อเช้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 34.55/56 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.34 - 34.54 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันยังไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ คาดว่าการเคลื่อนไหวของเงินบาท มาจากราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า จึงทำให้เงินบาท และสกุลเงินในภูมิภาคแข็ง ค่า ประกอบกับในช่วงสิ้นปี ที่ตามสถิติแล้วเงินบาทจะอยู่ในโซนแข็งค่า

โดยคืนนี้ ตลาดรอติดตามตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค. ของ สหรัฐฯ

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 34.30 - 34.50 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 149.81/83 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 149.86/90 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0518/0519 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0488/0491 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,454.76 จุด เพิ่มขึ้น 17.65 จุด (+1.23%) มูลค่าการซื้อขาย 46,701.92 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,407.87 ลบ.(SET+MAI)
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ยังไม่มีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการเติมเงิน 10,000
บาท เฟส 2 ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยนายกฯ ได้ขอให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อน ด้าน รม
ช.คลัง คาดว่าจะเสนอเข้าครม.ได้ใน 1-2 สัปดาห์ และยืนยันว่ากำหนดการจ่ายเงินยังคงเป็นช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนปี 68 ตามเดิม
  • รมว.คลัง ระบุว่า รัฐบาลยังอยากเห็นอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงอีก จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.25% ต่อปี เพื่อสนับสนุนบริษัท
ขนาดกลางให้มีต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง แต่จะมีการปรับลดลงอีกเมื่อไรนั้น คงต้องอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
(กนง.) โดยปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 2.25%
  • ประธานสภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 68 จะขยายตัวได้ 1-3%
ขณะที่ปรับเพิ่มประมาณการส่งออกไทยปีนี้เป็น 3.5-4% โดยมีมูลค่าราว 10 ล้านล้านบาท สูงกว่าประมาณการที่วางไว้เดิม 1-2% เนื่อง
จากช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค. 67) สามารถทำได้ดี ส่งผลให้เฉลี่ย 10 เดือนแรกขยายตัวแล้ว 4.9% ดังนั้น ช่วงอีก 2
เดือนที่เหลือของปีนี้ (พ.ย.-ธ.ค.) จึงเชื่อว่าจะทำได้เกินเป้าหมายอย่างแน่นอน
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า สิ่งที่โลกกำลัง
ต้องเผชิญไม่ใช่ความเสี่ยง แต่เป็นเรื่องของความไม่แน่นอน ซึ่งสามารถคาดเดาและบริหารจัดการได้ยากกว่า ว่าจะมี Shock อะไรเกิด
ขึ้น "ความไม่แน่นอน" ที่จะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า มี 3 เรื่องสำคัญ คือ 1. การแยกตัวของการค้าเพิ่มขึ้น 2. นโยบายเศรษฐกิจ
ประเทศหลัก และ 3. Markets & pricing of risk
  • เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แสดงความชัดเจนถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ยในปีหน้า แต่ไม่ชี้ชัดว่าจะสนับสนุนเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. นี้หรือไม่
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ยืนยันว่า PBOC จะใช้นโยบายด้านการเงินเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในปี

หน้า เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจะกลับคืนสู่ทำเนียบขาวในช่วงต้นปีหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ