นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 2 ว่า เป็นการรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานระยะสั้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าน่าพอใจมาก ทำให้การนำเข้าสินค้าไร้มาตรฐานลดลง รวมถึงสามารถจับกุมดำเนินคดีกับธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมายได้จำนวนมาก
ด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานระยะเร่งด่วน ในช่วงตั้งแต่เดือนก.ย.67 จนถึงปัจจุบัน ในส่วนของสินค้านำเข้าไร้มาตรฐานนั้น หน่วยงานต่าง ๆ ได้เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบสินค้านำเข้าให้มากขึ้นตั้งแต่ที่หน้าด่าน ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าลดลงเหลือเฉลี่ยเดือนละ 2,200 ล้านบาท ลดลง 27% จากช่วงก่อนมีมาตรการ หรือช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย.67 ที่นำเข้าเฉลี่ยเดือนละ 3,112 ล้านบาท
รวมถึงยังมีการจับกุมดำเนินคดีกับสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐานอีก โดยในส่วนการจับกุมดำเนินคดี โดยกรมศุลกากร 12,145 คดี มูลค่า 529 ล้านบาท, สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) 59 คดี 33 ล้านบาท, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) 159 คดี 57 ล้านบาท, กรมทรัพย์สินทางปัญญา 177 คดี 153 ล้านบาท, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 30,393 รายการ ยังประเมินความเสียหายไม่ได้
สำหรับการตรวจสอบในระยะเร่งด่วนที่ดำเนินการไปแล้ว เช่น การเพิ่มความถี่ตรวจสอบสินค้านำเข้า จากปี 66 ที่ตรวจเพียง 500 ครั้ง/เดือน เป็น 5,000 ครั้ง/เดือน และในระยะกลางจะเพิ่มเป็น 200 ครั้ง/วัน อีกทั้งยังเพิ่มความถี่ตรวจสอบเว็บไซต์ ที่โฆษณาขายสินค้า และมีมาตรการ Notice and Take Down หรือแจ้งเตือนให้เว็บไซต์ที่ขายสินค้าเกินจริง หรือไม่ได้มาตรฐาน เอาโฆษณาสินค้านั้น ๆ ออกในทันที เป็นต้น
ส่วนการแก้ปัญหานอมินีนั้น ผลการดำเนินงานในช่วงเดือนก.ย.-4 ธ.ค.67 ดำเนินคดีกับธุรกิจนอมินีได้รวม 747 คดี มูลค่าความเสียหายที่คิดจากทุนประกันของแต่ละธุรกิจ รวมถึง 11,720 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจขนส่ง และเป็นคนต่างด้าวจากหลายชาติที่ใช้คนไทยถือหุ้นแทน (นอมินี)
ขณะที่การส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SME) ของไทยนั้น ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าของ SME ให้ได้ถึง 40% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในปี 70 จากปี 66 ที่มีสัดส่วน 35.2%
"ผลการดำเนินงานในระยะเร่งด่วน ถือว่าเป็นที่น่าพอใจมาก เพราะสามารถทำให้การนำเข้าสินค้าไร้มาตรฐานลดลงมาก ซึ่งช่วยปกป้อง คุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค อีกทั้งยังทำให้ธุรกิจนอมินีลดลงด้วยเช่นกัน ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าหมายกวาดล้างให้หมดไปจากประเทศไทย เพราะถือเป็นการครอบงำธุรกิจไทย สร้างผลกระทบภาคธุรกิจ และประเทศไทยเป็นอย่างมาก" นายนภินทร กล่าว