นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 ดร. แอ็นสท์ ว็อล์ฟกัง ไรเชิล เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย ได้เข้าพบโดยได้ ลงนามในเอกสารความยินยอมร่วมกันเพื่อต่ออายุแถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงดิจิทัลและคมนาคมแห่งสหพันธสาธารณรัฐเยอรมนี ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำความสำคัญของการต่ออายุแถลงการณ์ร่วมฯ ในครั้งนี้ว่าเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นการสานต่อความร่วมมือด้านระบบรางในระยะยาวระหว่างประเทศไทยและเยอรมนี ที่มีร่วมกันมาอย่างยาวนาน
ทั้งนี้กว่า 162 ปี ที่ประเทศไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ความร่วมมือระหว่างสองประเทศได้ครอบคลุมในทุกภาคส่วน อาทิ ด้านการค้า วัฒนธรรม และเทคโนโลยี เป็นต้น ด้วยวิสัยทัศน์การพัฒนาที่มีร่วมกัน ความร่วมมือด้านการรถไฟของประเทศไทยและเยอรมนีจึงเปรียบเสมือนย่างก้าวสู่การพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สำคัญ ความเชี่ยวชาญของเยอรมนีในระบบรางมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งของประเทศไทย ตั้งแต่รถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงินไปจนถึงระบบขนส่งมวลชนทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ Airport Rail Link และรถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ APM
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า การต่ออายุแถลงการณ์ร่วมในครั้งนี้ จะผลักดันให้การขนส่งระบบรางของประเทศไทยมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ความสำคัญของความร่วมมือนี้จะเป็นการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่ประเทศไทยในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและการบริการขนส่งระบบราง นอกจากนี้ ยังเน้นถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยระบุว่าการปรับปรุงระบบรถไฟของประเทศไทยสอดคล้องกับความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอน และส่งเสริมการขนส่งทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ด้านดร. แอ็นสท์ ว็อล์ฟกัง ไรเชิล กล่าวว่า ความร่วมมือด้านระบบรางที่มีร่วมกันมาอย่างยาวนานระหว่างเยอรมนีและประเทศไทยมีพื้นฐานมาจากการแลกเปลี่ยนความรู้และทักษะระหว่างผู้เชี่ยวชาญ โดยภายใต้กรอบความร่วมมือนี้ สมาคมระบบรางเยอรมัน - ไทย จะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์อันใกล้ชิดด้านเทคโนโลยีระบบราง ซึ่งมีความก้าวหน้ามาอย่างต่อเนื่องกว่าหนึ่งศตวรรษ และมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการส่งเสริมแนวทางการขนส่งที่ยั่งยืนเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การเดินทางในอนาคต (Future Mobility) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ และประเทศอื่น ๆ ความร่วมมือครั้งนี้เป็นตัวอย่างของความพยายามร่วมกันของสองประเทศในการแก้ไขปัญหาระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาการจราจรติดขัด และการจัดการทรัพยากร เพื่อสร้างอนาคตที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป
แถลงการณ์ร่วมแสดงเจตจำนงว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือด้านรถไฟ ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงดิจิทัลและคมนาคมแห่งสหพันธสาธารณรัฐเยอรมนี ได้มีการลงนามครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2559 และมีการลงนามเพื่อต่ออายุมาแล้ว 2 ครั้ง โดยการลงนามในเอกสารความยินยอมร่วมกันเพื่อต่ออายุแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้จะได้รับการต่ออายุอัตโนมัติเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน เพื่อให้เกิดความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในด้านรถไฟอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทของทั้งสองประเทศในการส่งเสริมนวัตกรรมระบบรางไปพร้อมกับการให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน