พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวภายหลังน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเรียกหารือว่า นายกฯ ให้ความสนใจและเป็นห่วงสอบถามความคืบหน้าเรื่องคดีด้านเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ระบบเศรษฐกิจ ทั้งคดีดิไอคอน กรุ๊ป ที่เพิ่งส่งสำนวนไปเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจะครบจำนวนการฝากขังครั้งที่ 7 ในวันที่ 8 ม.ค. 68 และจะมีระยะเวลาให้คณะกรรมการอัยการพิจารณา 10 กว่าวัน
ขณะเดียวกัน มีการรายงานคดีหุ้นบมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น [STARK] คดีบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ [EA] และคดี นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ซึ่งได้มีการประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าเข้าเงื่อนไขที่จะต้องเป็นคดีพิเศษ โดยอาจใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการสอบสวน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายของดีเอสไอ
สำหรับคดีของนพ.บุญ จะเข้าข่ายคดีพิเศษได้หรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า เท่าที่ฟังการสรุปและข้อเท็จจริงจากรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และทีมผู้การนครบาลหนึ่งรวมถึงคณะพนักงานสอบสวน ถือว่าเข้าองค์ประกอบความผิดตามพ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนอยู่ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติสอบสวนคดีพิเศษ
ส่วนลักษณะรายละเอียดคดีทั้งมูลค่าผู้เสียหายอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ จะต้องมีการหารือกันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความช่วยเหลือในแง่มุมใดได้บ้าง เช่นเดียวกับคดีดิไอคอน โดยจะมีการรวบรวมพยานเอกสารทั่วประเทศประมาณ 350,000 แผ่น เกือบพันแฟ้มเพื่อส่งให้สำนักงานอัยการได้ทันเวลา
ส่วนกรณีมีข้อกังวลว่า คดีใหญ่ ๆ ที่อยู่ในมือดีเอสไออาจจะเกิดความล่าช้า พ.ต.ต.ยุทธนา ยืนยันว่า จะทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบได้ แต่ดีเอสไอมีกฎหมายกลางที่ให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐอื่นร่วมเป็นพนักงานสอบสวนได้ หรือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานอื่น ช่วยรับคำร้องทุกข์หรือสอบสวนผู้เสียหาย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเร่งรัดในเรื่องการทำความผิด สินค้าพืชผลทางการเกษตรทั้งคดีหมูเถื่อนและยางพารา นอกจากนี้ ยังสอบถามเกี่ยวกับคดีออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย
ด้านพล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวว่า นายกฯ ได้กำชับเรื่องการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เบื้องต้นได้เร่งรัดเรื่องการลงทะเบียนซิม ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่กำลังดำเนินการแก้ไขให้ได้
ส่วนกรณีตรวจยึดซิมบ็อกซ์ที่ส่งสัญญาณมาจากสิงคโปร์นั้นได้มอบหมายให้ผู้การกองบังคับปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ไปดำเนินการตรวจสอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาลอยู่ระหว่างขยายผลตรวจค้นอีก ประมาณ 10 กว่าแห่ง
ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศจะช่วยปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดี เพราะปัญหาหลักของแก๊งคอลเซ็นเตอร์คือมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะดำเนินการทุกมาตรการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปิดกั้นสัญญาณ ถ้าสามารถทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่สามารถไปตั้งที่ประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว