ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.26/28 แกว่งแคบ ธุรกรรมเบาบาง ไร้ปัจจัยใหม่หนุน หลังตลาดตปท.ยังปิดทำการ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 26, 2024 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 34.26/28 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อ เช้าที่ระดับ 34.21/22 บาท/ดอลลาร์

โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.19 - 34.28 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังนิ่ง วิ่งในกรอบแคบ และยังไม่มีปัจจัยใหม่ ถึงแม้ตลาดสหรัฐฯ จะเปิดทำการ แต่การซื้อขายยังบางเบา เนื่องจากตลาดฝั่งยุโรปและอังกฤษยัง คงปิดทำการอยู่

สำหรับคืนนี้ ตลาดรอติดตามจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลทำให้เงินบาทแข็งค่าได้บ้าง

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 34.20 - 34.40 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 157.42/45 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 157.44/46 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0398/0400 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0397/0401 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,397.80 จุด ลดลง 3.05 จุด (-0.22%) มูลค่าการซื้อขาย 24,098.70 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 352.50 ล้านบาท
  • SCB EIC ประเมินว่า ในปี 68 อาจไม่ง่ายสำหรับภาคส่งออกไทย จากแรงกดดันภายนอกประเทศที่ท้าทายขึ้น โดย
ประเมินว่ามูลค่าส่งออกสินค้าไทยจะขยายตัวได้ราว 2% (ตัวเลขระบบดุลการชำระเงิน) ลดลงกว่าครึ่งหนึ่งเทียบการเติบโตของการส่ง
ออกในปี 67 ดังนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ภาครัฐจำเป็นต้องเตรียมแนวทางเจรจาหรือต่อ
รองกับสหรัฐฯ เพื่อหาวิธีลดความเสี่ยงต่อนโยบายภาษีนำเข้า Trump 2.0 ในช่วงปี 68 โดยเฉพาะประเด็นการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ
รวมถึงมาตรการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของภาคการผลิต และภาคส่งออกไทย ตั้งแต่ก่อนสงครามการค้ารอบใหม่จะเริ่มมีผลชัดเจน
ขึ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงครึ่งหลังของปี
  • รัฐบาลจีนอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสามารถลงทุนในหลากหลายด้านมากขึ้นด้วยการออกพันธบัตรรัฐบาล พร้อมทั้งปรับ
กระบวนการอนุมัติให้ง่ายขึ้น เพื่อใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้นจากแหล่งเงินทุนสาธารณะที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
  • ธนาคารโลก ประกาศปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 67 และ 68 พร้อมเตือนว่า ความ
เชื่อมั่นที่ถดถอยทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ รวมถึงแรงกดดันในภาคอสังหาริมทรัพย์ จะยังคงฉุดรั้งเศรษฐกิจในปีหน้า ด้วยผลจากการ
ผ่อนคลายนโยบายล่าสุดและการส่งออกที่แข็งแกร่งในระยะอันใกล้ โดยธนาคารโลก คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีน
จะเติบโต 4.9% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดือนมิ.ย.ที่ 4.8% ขณะเดียวกัน GDP ในปี 68 คาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 4.5%
แต่ก็ยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 4.1%
  • รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผลผลิตทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวถึงระดับเต็มศักยภาพในปีงบประมาณหน้าเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
เนื่องจากตลาดแรงงานตึงตัว
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของรัสเซีย เปิดเผยว่า บริษัทต่าง ๆ ของรัสเซียเริ่มใช้บิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่น

ๆ ในการชำระเงินระหว่างประเทศแล้ว หลังจากกฎหมายอนุญาตให้ใช้ได้ เพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรของชาติตะวันตก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ