คลังเผยเศรษฐกิจไทย พ.ย. โตตามท่องเที่ยว-ส่งออก จับตาผลกระทบน้ำท่วม-ปัญหาภาคการผลิต

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 27, 2024 11:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คลังเผยเศรษฐกิจไทย พ.ย. โตตามท่องเที่ยว-ส่งออก จับตาผลกระทบน้ำท่วม-ปัญหาภาคการผลิต

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนพฤศจิกายน 2567 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ

อย่างไรก็ดี การบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนยังคงชะลอตัว ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของภาคใต้ รวมถึงสถานการณ์ของภาคการผลิตอุตสาหกรรม ที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป

  • เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่การบริโภคหมวดสินค้าคงทน ในหมวดยานยนต์ยังคงชะลอตัว: โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 1.8% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56.9 จากระดับ 56.0 ในเดือนก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว

ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนพฤศจิกายน 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 8.0% อย่างไรก็ดี การบริโภคหมวดสินค้าคงทนในหมวดยานยนต์ยังคงชะลอตัว สะท้อนจากปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -30.1% และ -4.5% ตามลำดับ

  • เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอตัว: โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -5.1% ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -20.7%

สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 17.8% ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -0.6%

  • มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ 25,608.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 8.2% และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัว 7.0% ตามการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดอินเดีย อินโดจีน (4) จีน และสหรัฐฯ
  • เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนพฤศจิกายน 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม 3.15 ล้านคน ขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 19.5% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย

ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 1.3% ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าว และมันสำปะหลัง เป็นต้น สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -3.6% ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 91.4 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ผู้ประกอบการเร่งผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเพื่อจำหน่ายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี 2) โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และ 3) ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง

  • เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี: สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ 0.95% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.80% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ 64% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 237.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ