มัดรวมของขวัญปีใหม่ 2568 จากคลัง!!! ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย-กระตุ้นศก.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 27, 2024 13:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

มัดรวมของขวัญปีใหม่ 2568 จากคลัง!!! ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย-กระตุ้นศก.

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ขอมอบของขวัญปีใหม่ของกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2568 เพื่อเป็นการส่งความสุขให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง ดังนี้

* Easy E-Receipt 2.0

ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 ได้สูงสุด 50,000 บาท โดยนำ e-Tax Invoice เต็มรูปแบบ และ e-Receipt มาใช้ลดหย่อนภาษีสำหรับปีภาษี 2568 ได้

  • ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับสินค้าและบริการทั่วไป (ยกเว้น สุรา ยาสูบ น้ำมัน ก๊าซ รถยนต์และจักรยานยนต์ ค่าสาธารณูปโภค ค่าเบี้ยประกัน ค่าบริการนำเที่ยว/ค่าที่พัก
  • ลดหย่อนภาษีได้เพิ่มอีกไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้า OTOP สินค้าหรือบริการของวิสาหกิจชุมชน และสินค้าหรือบริการของวิสาหกิจเพื่อสังคม
* โครงการ "คุณสู้ เราช่วย"
  • มาตรการที่ 1 "จ่ายตรง คงทรัพย์" ช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้สินเชื่อบ้าน รถ และ SMEs ขนาดเล็ก ที่มีวงเงินไม่สูงมาก แบบลดค่างวดและพักภาระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยค่างวดที่จ่ายจะนำไปตัดชำระเงินต้นทั้งหมด ขณะที่ดอกเบี้ยที่พักไว้ตลอดระยะเวลา 3 ปี จะได้รับการยกเว้น หากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ตลอดระยะเวลาของมาตรการ (ชำระเงินตรงเวลาและไม่ทำสัญญาสินเชื่อเพิ่มเติมในช่วง 12 เดือนแรกของการเข้าโครงการฯ) ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้ลูกหนี้มีสภาพคล่องเหลือสำหรับดำรงชีพเพิ่มเติมและช่วยให้ภาระหนี้โดยรวมของลูกหนี้ลดลง
  • มาตรการที่ 2 "จ่าย ปิด จบ" ช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่เป็นหนี้เสีย (สถานะ NPL) แต่มียอดคงค้างหนี้ไม่เกิน 5,000 บาท โดยลูกหนี้จะต้องเข้ามาเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ เพื่อชำระหนี้บางส่วน ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียและยอดหนี้ไม่สูง สามารถเปลี่ยนสถานะการเป็นหนี้ จาก "หนี้เสีย" เป็น "ปิดจบหนี้" และเริ่มต้นใหม่ได้เร็วขึ้น
  • มาตรการที่ 3 ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางของ SFIs ช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ผ่านการลดดอกเบี้ย ให้สินเชื่อใหม่ดอกเบี้ยต่ำ และให้รางวัลกับลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระดี รวมถึงการพักชำระเงินต้นและการไม่คิดดอกเบี้ยสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ
-           มาตรการที่ 4 ช่วยเหลือลูกหนี้ของผู้ประกอบการ Non-Banks  ช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางของผู้ประกอบการ Non-Banks ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่มีหนี้ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยสูง โดยจะช่วยเหลือลดภาระการชำระหนี้ ผ่านการลดภาระผ่านชำระ 3 ปี เหลือ 70% และลดดอกเบี้ยลง 10% (เช่น จากเดิน ดอกเบี้ย 25% ต่อปี จะลดเหลือ 15% ต่อปี) ตลอดระยะเวลา 3 ปี และได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ผ่อนปรน ทั้งนี้ หากลูกหนี้มีสถานะเป็น NPL และมียอดคงค้างไม่เกิน 5,000 บาท สามารถเปลี่ยนสถานะปิดจบหนี้ได้

* บรรเทาค่าใช้จ่ายผู้สูงอายุ ผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น "ทางรัฐ" ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 จำนวน 4 ล้านคน ที่มีเงินได้ไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี และเงินฝากไม่เกิน 500,000 บาท จะได้รับเงินจำนวน 10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ

* การลดภาษีสถานบริการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและสนับสนุนการจ้างงาน

ในปี 2568 สถานบริการทั่วประเทศ (ผับ บาร์ คาราโอเกะ ไนท์คลับ) จะได้รับการลดอัตราภาษีสรรพสามิตจาก 10% เป็น 5% ของรายรับ เพื่อช่วยเหลือส่งเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ และกระตุ้นการท่องเที่ยวและการจ้างงานในพื้นที่

* โครงการช่วยเหลือชาวนา "ไร่ละพัน"

เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร จะได้รับเงินไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และลดค่าใช้จ่ายในการเพาะปลูกข้าว ส่งเสริมให้การผลิตข้าวมีความคุ้มค่าและเพิ่มผลกำไร โดยเกษตรกรสามารถตรวจสอบการโอนเงินได้ผ่านแอปพลิเคชั่น BAAC Mobile ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะเริ่มโอนเงินเข้าบัญชี ธ.ก.ส. ในแต่ละพื้นที่ ดังนี้

  • พื้นที่ภาคเหนือ วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2567
  • พื้นที่ภาคกลาง และตะวันออก วันอังคารที่ 17 ธันวาคม 2567
  • พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน วันพุธที่ 18 ธันวาคม 2567
  • พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม 2567
  • พื้นที่ภาคตะวันตก และภาคใต้ วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2567
* ของขวัญปีใหม่ จากใจแบงก์รัฐ

นอกจากนี้ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ในสังกัดของกระทรวงการคลังทุกแห่ง ยังได้ร่วมมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน อาทิ

  • ธนาคารออมสิน มอบเงินรายละ 1,000 บาท ให้แก่ลูกหนี้ดี มีวินัย ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 2 แสนบาท และมีประวัติการชำระหนี้ดีไม่น้อยกว่า 3 ปี ติดต่อกัน และมีสถานะบัญชีปกติ
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มอบโครงการสินเชื่อแทนคุณ สำหรับทายาทเกษตรกรที่ประกอบอาชีพต่อจากครอบครัว จะได้รับดอกเบี้ยพิเศษ และยกเว้นค่าธรรมเนียม รวมถึงลดเบี้ยปรับค้างรับ
  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้กำลังใจแก่ลูกค้าวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีประวัติผ่อนดีไม่น้อยกว่า 4 ปี และมีสถานะบัญชีปกติ จะได้รับเงินคืนรายละ 1,000 บาท
  • ธนาคารเพื่อการส่งออกนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) มอบดอกเบี้ยพิเศษ 3.5% ต่อปี ใน 2 ปีแรก สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายกำลังการผลิต ต่อเติมซื้อเครื่องจักร ติดตั้งระบบ Solar หรือยกระดับการทำงานด้าน ESG โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 40 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุด 10 ปี
  • ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) มอบส่วนลดค่าวิเคราะห์โครงการ ล้านละ 5,000 บาท เมื่อยื่นขอกู้ 1 ล้านบาทขึ้นไป ระหว่างวันที่ 2 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2568 และได้รับการอนุมัติภายใน 31 มีนาคม 2568
  • ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (Ibank) มอบอัตรากำไรพิเศษ 1.63 ต่อปีในครึ่งปีแรก สำหรับสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ "ไอแบงค์รับจบ" โดยให้ผ่อนนานสูงสุด 35 ปี สำหรับไถ่ถอนที่อยู่อาศัยหรือไถ่ถอนสินเชื่ออเนกประสงค์ ภายใน 31 มกราคม 2568
  • บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มอบของขวัญฟรี ค่าดำเนินการค้ำประกันแก่ลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 ระหว่างวันที่ 1 - 31 มกราคม 2568 และขยายเวลาโครงการ "หนี้ลด หมดเร็ว ปลดหนี้" ไปถึงสิ้นปี 2568 พร้อมเงื่อนไขผ่อนปรนมากขึ้น เช่น กลุ่มเปราะบาง ที่มียอดเงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0% ผ่อนสูงสุดได้ 80 เดือน ค่างวดขั้นต่ำ 500 บาท และปลดหนี้ลดเงินต้น 30% เมื่อจ่ายต่อเนื่อง 6 งวด

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการของกระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินเฉพาะกิจในสังกัดของกระทรวงการคลัง นอกจากจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย และสร้างความสุขให้กับประชาชน ยังจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปีใหม่ พ.ศ. 2568 ที่กำลังจะมาถึงนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ