นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.03 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากปิดในสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 33.99 บาท/ดอลลาร์
โดยตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงบ้าง ในลักษณะ Sideways Up ตามจังหวะการย่อ ตัวลงของเงินดอลลาร์ และการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ แต่การแข็งค่าของเงินบาทก็อยู่ได้ไม่นาน หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ต่อเนื่อง หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งมีส่วนกดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลง รวมถึงกดดันให้เงินบาททยอยอ่อนค่า ลงด้วยเช่นกัน
ในสัปดาห์ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่นั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ และจีน เช่น รายงาน ดัชนี PMI ในเดือนธันวาคม
"ในช่วงสิ้นปี-ต้นปี ปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดอาจเบาบางลง ทำให้ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน" นายพูน
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท อาจพอได้ลุ้นทยอยแข็งค่าขึ้น หรืออย่างน้อยแกว่งตัว Sideways โดยต้องจับตาทิศทางเงิน ดอลลาร์ ราคาทองคำ รวมถึงเงินหยวนจีน (CNY) (โซนแนวต้านถัดไปจะอยู่ในช่วง 34.50 บาท/ดอลลาร์) พร้อมย้ำจุดยืนเดิม ว่า "Good Bye 35" และอาจเห็นเงินบาททยอยแข็งค่าต่ำกว่าโซน 34.00 บาท/ดอลลาร์ ได้ในช่วงก่อนที่รัฐบาล Trump 2.0 จะเริ่ม ทำงาน
ในปี 2568 ที่จะถึงนั้น ตลาดการเงินเสี่ยงเผชิญความผันผวนสูง จากความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของ รัฐบาล Trump 2.0 อันจะสร้างความไม่แน่นอนต่อการดำเนินนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะ ธนาคารกลาง สหรัฐ (เฟด)
นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 33.95-34.15 บาท/ดอลลาร์
SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 33.9300 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 157.72 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 157.88 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0429 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0414 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.122 บาท/ดอลลาร์
- "ซีอีโอ" บิ๊กคอร์ป มองเศรษฐกิจปี 2568 จับตาภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายทรัมป์ 2.0 สินค้าจีนทะลัก "เอสซีจี-บ้านปู"
- รอง ปธ.หอการค้าไทยมั่นใจ ศก.ปี'68 ดีขึ้น แต่ยังเสี่ยง ตื๊อปัดฝุ่นโครงการ'คนละครึ่ง' กระตุ้นกำลังซื้อ สมาพันธ์เอส
- รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุในจดหมายที่ส่งถึงสมาชิกสภาคองเกรสว่า กระทรวงการคลังสหรัฐอาจต้องใช้
- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. ดัชนี PMI/ISM ภาคการ
- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตประจำเดือนธ.ค.ของจีนในวันพรุ่งนี้ (31 ธ.ค.)