ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.51/52 เคลื่อนไหวเกาะกลุ่มภูมิภาค ติดตามตัวเลขแรงงานสหรัฐ-ทิศทางนโยบาย "ทรัมป์"

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 7, 2025 17:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 34.51/52 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดที่ ระดับ 34.62/65 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 34.46 - 34.67 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเคลื่อนไหวไปทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค โดยยังคงรับข่าวตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) ที่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค. ออกมาสูงกว่าคาด

สำหรับคืนนี้ ตลาดรอติดตามตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนพ.ย. และ ดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ต้องจับตาทิศทางนโยบายการตั้ง กำแพงภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วย

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 34.40 - 34.70 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 157.60/63 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 158.30/40 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0427/0428 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0360/0380 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,390.88 จุด เพิ่มขึ้น 18.23 จุด (+1.33%) มูลค่าซื้อขายราว 39,119.77 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,478.50 ล้านบาท
  • รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีอัตราเงินเฟ้อทั้งปี 67 อยู่ที่ 0.40% ว่า มีความกังวล เพราะเป็นตัวเลขที่ไม่น่าพึงพอใจ เนื่อง
จากยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไว้ที่ 1-3% ค่อนข้างมาก พร้อมเห็นว่า กระทรวงการคลัง และ
ธปท. จำเป็นจะต้องทำงานร่วมกันให้มากขึ้น ในเรื่องของตัวเลขเงินเฟ้อ
  • รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยสถานการณ์การท่องเที่ยวปี 67 ภาพรวมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่อง
เที่ยวในไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 67 มีจำนวนทั้งสิ้น 35,545,714 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
แล้ว 1.67 ล้านล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัส
เซีย
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 จำนวน 3.78 ล้านล้าน
บาท เพิ่มขึ้น 0.7% จากปีงบประมาณ 2568 โดยคาดการณ์รายได้รัฐบาลสุทธิ 2.92 ล้านล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบ
ประมาณ 8.6 แสนล้านบาท คิดเป็น 4.3% ของ GDP ซึ่งเป็นการขาดดุลงบประมาณที่ลดลงจากปี 2567 การจัดทำกรอบงบประมาณดัง
กล่าว อยู่ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจไทยปี 69 ขยายตัวได้ 2.3-3.3% (ค่ากลาง 2.8%) อัตราเงินเฟ้อ 0.7-1.7% (ค่ากลาง 1.2%)
  • สภาผู้ส่งออก คาดส่งออกของไทยในเดือนธ.ค. 67 ขยายตัวได้กว่า 4.5% ส่งผลให้การส่งออกทั้งปี 67 ขยายตัวได้
4.5-5% เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนเป้าหมายการส่งออกในปี 68 กำหนดไว้กว้าง ๆ ว่าจะขยายตัว 1-3% เนื่องจากมี
ปัจจัยเสี่ยงมาก ทั้งปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ความรุนแรงเรื่องสงครามการค้า ซึ่งต้องจับตาดูท่าทีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลัง
จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่หากต้องการให้ยอดส่งออกปี 68 ขยายตัวได้ 2-3% ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องทำงานร่วมกัน
มากขึ้น
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) เพิ่มปริมาณทองคำสำรองเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนธ.ค. ซึ่งส่งสัญญาณว่าความต้องการ
ทองคำกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ได้หยุดซื้อไปชั่วคราวเมื่อปีที่แล้วเนื่องจากราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนามว่า เวียดนามมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนเกือบ 17.6 ล้านคนในปี 2567
เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2566 และเท่ากับ 97.6% ของระดับก่อนเกิดโรคระบาดในปี 2562
  • รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของตลาดปริวรรตเงินตราอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเก็งกำไรของนักลงทุน และ
พร้อมจะใช้มาตรการที่เหมาะสมหากตลาดผันผวนเกินควร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ