บมจ. ท่าอากาศยานไทย [AOT] รายงานปริมาณการจราจรทางอากาศ ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.67 - 2 ม.ค.68 มีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานของ AOT กว่า 2.97 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศกว่า 1.84 ล้านคน เพิ่มขึ้น 23.8% และผู้โดยสารภายในประเทศ 1.13 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.5% และมีเที่ยวบินกว่า 17,385 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 16.4% แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 9,792 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 21.7% และเที่ยวบินภายในประเทศ 7,593 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.3%
- ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) มีผู้โดยสารมาใช้บริการ 1,429,736 คน เพิ่มขึ้น 16.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีเที่ยวบิน 7,707 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 14.3%
- ท่าอากาศยานดอนเมือง มีผู้โดยสาร 758,929 คน เพิ่มขึ้น 27% และมีเที่ยวบิน 4,914 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 19.2%
- ท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีผู้โดยสาร 233,769 คน เพิ่มขึ้น 19.7% และมีเที่ยวบิน 1,425 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12.1%
- ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีผู้โดยสาร 46,190 คน เพิ่มขึ้น 14.5% และมีเที่ยวบิน 318 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12%
- ท่าอากาศยานภูเก็ต มีผู้โดยสาร 437,411 คน เพิ่มขึ้น 20.4% และมีเที่ยวบิน 2,573 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 20.5%
- ท่าอากาศยานหาดใหญ่ มีผู้โดยสาร 66,092 คน เพิ่มขึ้น 18.2% และมีเที่ยวบิน 448 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 17.9%
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลที่มีผู้โดยสารเดินทางเป็นจำนวนมาก แต่การให้บริการของท่าอากาศยานของ AOT สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีภาพผู้โดยสารหนาแน่น หรือแออัดในอาคารผู้โดยสาร โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ซึ่งมีผู้โดยสารใช้บริการมากที่สุด กระบวนการผู้โดยสารทำได้ดี ซึ่งระยะเวลาการให้บริการในกระบวนการผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ในภาพรวมเฉลี่ย 22 นาที/คน และกระบวนการผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ในภาพรวมเฉลี่ย 28 นาที/คน ขณะที่กระบวนการผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ ในภาพรวมเฉลี่ย 12 นาที/คน และกระบวนการผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ในภาพรวมเฉลี่ย 16 นาทีต่อคน
ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่ AOT ได้เตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ตลอดจนการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเช็กอินด้วยเครื่อง CUSS การโหลดกระเป๋าด้วยเครื่อง CUBD การตรวจลงตราหนังสือเดินทางด้วยเครื่อง Automated Border Control (ABC) หรือเครื่อง Auto Channel ตลอดจนระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Biometric) ทำให้ระยะเวลาการใช้บริการของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยานลดลงเหลือประมาณ 1 นาที จากเดิมประมาณ 3 นาที
"ดังนั้น จึงได้สั่งการให้ AOT ดำเนินการเพิ่มศักยภาพการรองรับผู้โดยสาร เพื่อให้การอำนวยความสะดวกมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้นอีก เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น" นายสุริยะ ระบุ
ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ปริมาณผู้โดยสาร และเที่ยวบินได้ฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจากธุรกิจการบินได้เผชิญความท้าทายภายใต้บริบทการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ซึ่ง AOT มีความพร้อมรองรับให้บริการทุกด้านไม่ให้เกิดภาพความหนาแน่น ทั้งด้าน Airside ที่ได้เพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารจากการเปิดใช้งานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1) และด้าน Landside ที่สามารถรองรับเที่ยวบินได้มากขึ้น จากการเปิดทางวิ่งเส้นที่ 3 และ AOT จะเร่งพัฒนาท่าอากาศยานให้เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม
นอกจากนี้ AOT อยู่ระหว่างพัฒนาการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อให้การบริหารจัดการท่าอากาศยาน และการให้บริการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเร่งพัฒนาระบบ Biometric ให้ประชาชนคนไทยสามารถใช้งานระบบได้ทุกคน 100%
"ภายในวันที่ 15 ม.ค.68 ระบบ Biometric จะสามารถรองรับการใช้งานของบัตรประชาชนตลอดชีพ ที่ไม่ระบุวันหมดอายุบัตร และรองรับการใช้งานของประชาชนบางคน ที่มีชื่อ หรือนามสกุล ที่สะกดด้วยอักษรภาษาอังกฤษมากกว่า 20 ตัวอักษร ให้สามารถใช้งานระบบ Biometric ได้" นายกีรติ กล่าว