ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เห็นชอบข้อเสนองบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2569 วงเงินกว่า 2.72 แสนล้านบาท แบ่งเป็น งบเหมาจ่ายรายหัวจำนวน 204,174.99 ล้านบาท ดูแลคนไทยผู้มีสิทธิ 47.50 ล้านคน พร้อมจัดสรรงบ 2.1 หมื่นล้านบาท หนุนนโยบายสุขภาพของรัฐบาล 26 รายการ และกว่า 1.2 พันล้านบาท เพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ 10 รายการ เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ในวันนี้บอร์ด สปสช. ได้เห็นชอบข้อเสนองบประมาณหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2569 วงเงินงบประมาณจำนวน 272,583.32 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณ 2568 เพิ่มขึ้นจำนวน 36,196.80 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.51% โดยงบเหมาจ่ายรายหัวจะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 442.16 บาท
ในจำนวนนี้แยกเป็น
1. งบเหมาจ่ายรายหัวจำนวน 204,174.99 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 4,298.24 บาทต่อประชากร เพื่อดูแลประชากร 47.50 ล้านคน และงบค่าบริการนอกงบเหมาจ่ายรายหัว จำนวน 68,408.32 ล้านบาท เมื่อหักเงินเดือนภาครัฐในระบบปกติ จำนวน 71,446.45 ล้านบาท จะเหลือเป็นงบประมาณที่ให้ สปสช. บริหารทั้งสิ้นจำนวน 201,136.87 ล้านบาท
2. งบค่าบริการนอกงบเหมาจ่ายรายหัว จำนวน 68,408.32 ล้านบาท ได้ขอเพิ่มเติมจากปีที่ผ่านมา จำนวน 13,862.97 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25.42% เพื่อใช้สำหรับรายการดังต่อไปนี้
- ค่าบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์จำนวน 4,574.06 ล้านบาท
- ค่าบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรังจำนวน 16,074.98 ล้านบาท
- ค่าบริการควบคุม ป้องกัน และรักษาโรคเรื้อรังจำนวน 1,584.95 ล้านบาท
- ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติม สำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร พื้นที่เสี่ยงภัย และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 1,490.29 ล้านบาท
- ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติม สำหรับการบริการระดับปฐมภูมิและหน่วยนวัตกรรม จำนวน 4,188.96 ล้านบาท
- ค่าบริการสาธารณสุขร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล เมืองพัทยา และกรุงเทพฯ จำนวน 4,110.35 ล้านบาท
- ค่าบริการสาธารณสุขผู้มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน จำนวน 6,267.29 ล้านบาท
- ค่าบริการสาธารณสุขร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จำนวน 541.07 ล้านบาท
- เงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับบริการและผู้ให้บริการ จำนวน 562.23 ล้านบาท
- ค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคทั่วไป จำนวน 27,761.92 ล้านบาท
- ค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและควบคุมป้องกันโรคไม่ติดต่อ (NCDS) จำนวน 1,252.27 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบกรอบวงเงินสำหรับยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ตามโครงการพิเศษที่ให้เครือข่ายหน่วยบริการด้านยาและเวชภัณฑ์จัดหาให้ปีงบประมาณ 2569 อาทิ ยาจำเป็น (ยา จ.2 ยา CL ยากำพร้า ยาต้านพิษ) อุปกรณ์และอวัยวะเทียม รากฟันเทียม ชุดประสาทหูเทียม ยาเอชไอวี น้ำยาล้างไตผ่านช่องท้อง วัคซีน และถุงยางอนามัย เป็นต้น รวมเป็นงบประมาณจำนวน13,617.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33.2% จากปีที่ผ่านมา
"ในปี 2569 รัฐบาลมีนโยบายที่มุ่งมั่นยกระดับการดูแลสุขภาพให้กับประชาชน ทั้งการต่อยอดนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ลดโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ จัดบริการสุขภาพเชิงรุก บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป็นต้น เหล่านี้ส่วนหนึ่งจะขับเคลื่อนภายใต้งบประมาณกองทุนบัตรทองฯ ที่เป็นข้อเสนองบประมาณปี 2569 ซึ่งบอร์ด สปสช. เห็นชอบวันนี้ โดยจะนำเสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป" รมว.สาธารณสุข กล่าว
- บริการระบบการแพทย์ทางไกลที่เพิ่มเติมการดูแลคนไทยในต่างแดน ห้องพยาบาลอิเล็กทรอนิกส์ในโรงเรียน และตู้ห่วงใย, บริการหน่วยนวัตกรรม 7 ประเภท, บริการสร้างเสริมป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) บริการลดการนอนในโรงพยาบาลในผู้ป่วยโรคหอบหืด ศูนย์ให้คำปรึกษาจิตเวชในโรงพยาบาลชุมชน สายด่วนสุขภาพจิต สายด่วนเลิกบุหรี่ พอกเข่าโดยสมุนไพร การดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิงระยะยาวในชุมชนให้มี Caregiver การตรวจคัดกรองโรคด้วยตนเอง ทั้งโรคพยาธิใบไม้ตับ เอชไอวี และเอชพีวี, วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในเด็กหญิงชนิด 9 สายพันธุ์ ตลอดจนบริการสุขภาพกลุ่มคนข้ามเพศ เป็นต้น
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สายด่วนเลิกเหล้า, สายด่วนท้องไม่พร้อม/สายด่วนวัยรุ่น, ธนาคารนมแม่, วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบในเด็ก (PCV), วัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับเด็กอายุ 3-5 ปี, การตรวจคัดกรองโรคกระดูกพรุนในสตรีวัยหมดประจำเดือน, การตรวจคัดกรอง Autistic disorder ด้วยเครื่องมือ TDAS, ชุดตรวจ Microalburnin ในปัสสาวะ เพื่อตรวจคัดกรองติดตามโรคไตเรื้อรัง และภาวะแทรกช้อนจากเบาหวาน, การดูแลผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ให้เข้าสู่เบาหวานระยะสงบ และบริการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในชุมชน