ธปท.เผย Q1/51 สินเชื่อเร่งตัวจากเอกชนมั่นใจมาตรการฟื้นศก.-อสังหาฯฟื้น

          ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานว่า ยอดคงค้างสินเชื่อทุกประเภทในระบบสถาบันการเงินช่วงไตรมาส 1/51 มีจำนวนทั้งสิ้น 6,840,880 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 611,899 ล้านบาทหรือ 9.82% 
          สินเชื่อส่วนใหญ่เร่งตัวสูงขึ้น โดยสินเชื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลมียอดคงค้างสูงถึง 1,424,709 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 11,826 ล้านบาทหรือ 0.83% โดยเฉพาะการซื้อขายหรือเช่ารถจักรยานยนต์ขยายตัวสูงถึง 15,159 ล้านบาทหรือ 5.18% ส่งผลให้มียอดคงค้างจำนวน 307,551 ล้านบาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นภาคเอกชนต่อภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และส่วนหนึ่งยังเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมาในช่วงเดียวกัน
          ส่วนสินเชื่อเพื่อการศึกษามียอดคงค้าง 18,407 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 767 ล้านบาทหรือ 4.43% นอกจากนี้ ยังพบว่าสินเชื่อการผลิตเติบโตสูงขึ้นโดยมียอดคงค้าง 1,611,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,175 ล้านบาทหรือ 0.50% 
          ขณะที่สินเชื่อการก่อสร้างอยู่ที่177,610 ล้านบาทเพิ่มขึ้น4,275 ล้านบาทหรือ2.46%  สินเชื่อการจัดหาที่อยู่อาศัย 741,375 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,593 ล้านบาทหรือ0.89% ซึ่งสอดคล้องกับตลาดอสังหาริมทรัพย์เดือนก.พ.ซึ่งภาพรวมปรับตัวดีขึ้น โดยอุปสงค์ยังมีการขยายตัวสะท้อนได้จากจำนวนรายการซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเดือนก.พ.ซึ่งขยายตัว4.4% จากระยะเดียวกันปีก่อน
          สินเชื่อในธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร เร่งตัวสูงขึ้น มียอดคงค้างทั้งสิ้น 221,032 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 651 ล้านบาทหรือ 0.29% ทั้งนี้ เพราะใกล้ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวจึงมีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อปรับปรุงสถานที่และห้องพัก 
          นอกจากนี้ พบว่าสินเชื่อการเกษตร การล่าสัตว์และป่าไม้ คงค้างที่ 100,808 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13,533 ล้านบาทหรือ 15.5% การประมง 14,790 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 285 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1.96%  การทำเหมืองแร่ 19,154 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 368 ล้านบาทหรือ1.95%
          สินเชื่อการขนส่ง ขายปลีกและซ่อมแซมยานยนต์ จักรยานยนต์ ของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือนมียอดคงค้างที่ 1,037,891 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 26,789 ล้านบาท หรือ 2.64%  สินเชื่อการให้บริการราชการ และการป้องกันประเทศ รวมทั้งการประกันสังคม 28,197 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3,547 ล้านบาท หรือ 14.38% การให้บริการชุมชม สังคมและบริหารส่วนบุคคล 257 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 96 ล้านบาท หรือ 59.62%