นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 34.58 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวใกล้เคียง ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.57 บาท/ดอลลาร์ หลังจากตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาเมื่อคืนต่ำกว่าคาดส่งผลให้ ดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก ขณะที่ราคาทองในตลาดโลกปรับขึ้นกว่า 33 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนรอดูการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของจีนในวันนี้ และนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า รวมถึงการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่คาดการณ์จะปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ย
"บาททรงตัวใกล้เคียงกับปิดตลาดเย็นวานนี้ ช่วงนี้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากใกล้ช่วงที่จะมีปัจจัยสำคัญ"
นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.45 - 34.70 บาท/ดอลลาร์
SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 34.44000 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 155.21 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 155.72 ยูโร/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0303 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0283 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.577 บาท/ดอลลาร์
- "สรวงศ์" เผยต้นปี 2568 ต่างชาติแห่เที่ยวไทยคึกคักเพิ่มขึ้น 11% ทำรายได้แล้วกว่า 6.6 หมื่นล้านบาท เกาหลีใต้-
อินเดีย มาแรง ด้าน ททท. เร่งฟื้นความเชื่อมั่นตลาดจีนปมซิงซิงหายตัว
- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.อยู่ระหว่างการประเมินบรรยากาศของตลาดนักท่อง
เที่ยวจีนจากสำนักงาน ททท. ทั้ง 5 แห่งในจีน ในกรณีนักแสดงจีน ซิงซิง ที่หายตัวไปบริเวณชายแดนเพื่อนบ้านของไทย เพื่อประเมินแนว
โน้ม
- รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 ม.ค.68 จะเดินทางไปเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อร่วมประชุม
เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม พร้อมทั้งลงนามความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป หรือเอฟตา
ประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ซึ่งถือเป็นเอฟทีเอฉบับที่ 16 ของไทย โดย
มีข้อตกลงความครอบคลุมอย่างรอบด้านทั้งประเด็นการค้า การลงทุนโดยหลังจากลงนามแล้ว กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้รัฐสภาพิจารณา
ก่อนที่จะให้สัตยาบันเพื่อให้ความตกลงมีผลใช้บังคับ และคาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 69
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น
0.8% ในเดือนพ.ย. และเมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.9% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 4.1% ในเดือนพ.ย.
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 217,000
รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 210,000 ราย
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวลงสู่ระดับ 4.615% เมื่อคืนนี้ หลังจากหนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่า
การเฟดกล่าวว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อ
เนื่อง ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประ
ชุมเดือนพ.ค.
- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวัน
พฤหัสบดี (16 ม.ค.) โดยปรับตัวลงตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพฤหัสบดี (16 ม.ค.) โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากความ
หวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ การ
ร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำ
- นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของโดนัลด์ ทรัมป์ ในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.นี้ ขณะ
ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์จะเป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากแผนการปรับลดอัตราภาษี การผ่อน
คลายกฎระเบียบในภาคการเงิน รวมทั้งการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน จะส่งผลกระทบต่อสกุลเงิน
เอเชีย และจะเพิ่มความผันผวนในตลาดการเงิน ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อดอลลาร์ในที่สุด