นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ ที่ระดับ 33.62 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วง เช้าเปิดที่ระดับ 33.99 บาท/ดอลลาร์
โดยระหว่างวัน เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.61-33.99 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทแข็งค่าเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค รอง จากริงกิตมาเลเซีย โดยวันนี้สกุลเงินในภูมิภาค ต่างปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออก มาแสดงท่าทีประนีประนอมว่าไม่ได้อยากเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ส่งผลให้ตลาดคลายกังวลลงได้บ้างกับปัญหาสงครามการค้ารอบใหม่
"เงินบาทที่ 33.61 แข็งค่าสุดในรอบ 11 สัปดาห์ หรือเกือบ 3 เดือน เพราะตลาดได้คลายกังวลเรื่อง trade war หลัง ทรัมป์ ออกมาเปรยว่า ไม่ได้อยากเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จึงทำให้สกุลเงินในภูมิภาคต่างแข็งค่า รวมกับราคาทองตลาดโลกที่ปรับสูง ขึ้น ทำให้มี flow ส่งออกทองคำ ขายดอลลาร์ ซื้อบาท เงินบาทเลยแข็งค่า" นักบริหารเงิน ระบุ
สัปดาห์หน้า ต้องจับตาไฮไลท์สำคัญ คือ การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) รวมทั้งติดตามว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะมีนโยบายอะไรใหม่ ๆ ออกมาเพิ่มเติม
นักบริหารเงิน คาดว่า ต้นสัปดาห์หน้า เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.55 - 33.85 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 155.56 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 156.16 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0493 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0419 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,354.07 จุด เพิ่มขึ้น 9.90 จุด (+0.74%) มูลค่าซื้อขาย 30,842.52 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,265.40 ล้านบาท
- ม.หอการค้าไทย ประเมินเม็ดเงินจากการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ จะอยู่ที่ราว 51,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เชื่อว่าคณะบริหารของเขา มีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับรัฐบาลจีน และสิ่งที่เขาต้อง
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งให้มีการจัดตั้งคณะทำงานด้านคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อเสนอกฎ
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี
- ผลสำรวจของบริษัทวิจัยจีเอฟเค (GfK) บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอังกฤษ ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ก่อน
- ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน
ธ.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จาก Conference Board, ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายการเงิน และแถลง
มติอัตราดอกเบี้ย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2567 (ประมาณ
การเบื้องต้น) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนธ.ค.