ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า (27-31 ม.ค.) ที่ 33.30-34.00 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดในวันศุกร์ที่ 24 ม.ค.ที่ 33.64 บาท/ดอลลาร์
ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกและสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย สวนทางกับเงินดอลลาร์ ที่ยังคงเผชิญแรงขาย หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี สหรัฐยังไม่ตัดสินใจเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าในทันทีที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง (แม้ในเวลาต่อมาจะมีการระบุถึงอัตราภาษีที่เก็บเพิ่ม 25% ต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% ต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีนในวันที่ 1 ก.พ. นี้ก็ตาม) ในช่วงปลายสัปดาห์ เงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าและแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งที่ 33.61 บาท/ดอลลาร์ ตามทิศทางเงินเยน หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% (ไปอยู่ที่ระดับ 0.50%) ขณะที่ เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ มีความเห็นในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม World Economic Forum (WEF) ให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
สำหรับสัปดาห์หน้าปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 28-29 ม.ค. การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 30 ม.ค. สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สถานการณ์เงินทุนต่างชาติและค่าเงินหยวน
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และดัชนีราคา PCE และ Core PCE เดือนธ.ค. 2567 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. 2568 ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/67 (advanced) รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขดัชนี PMI เดือนม.ค. ของจีน และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/67 ของยูโรโซนด้วยเช่นกัน