นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการชี้แจงร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ได้ชี้แจงในหลักคิดและแนวทางว่า Entertainment Complex มีส่วนประกอบของธุรกิจหลายประเภท บวกกับกาสิโน เพื่อสร้างเม็ดเงินลงทุนกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวมากขึ้น รายจ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยจะเพิ่มมากขึ้น เกิดการจ้างงาน รวมถึงสามารถกำกับดูแลการพนันผิดกฎหมายได้ด้วย
"ของเรา คือ Entertainment Complex หากจะเปรียบเทียบ เรามองถึงสิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา เราต้องการเดินหน้าให้เกิดเม็ดเงินลงทุน เป็นจุดเปลี่ยนของประเทศไทยในเรื่องของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งเราเคยโตเฉลี่ยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว 10% 20 ปีที่แล้วเราโต 5% แต่ 10 ปีที่ผ่านมาเหลือแค่ 2% แน่นอนว่าประชาชนคนไทยรอการลืมตาอ้าปาก หากยังเป็นตัวเลขนี้อยู่ มันเป็นไปไม่ได้ วันนี้รัฐบาลจึงพยายามผลักดันเรื่องเศรษฐกิจจนโตมาถึง 2.7-2.8% ได้ โดยตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยศักยภาพที่มีอยู่ สุดท้ายต้องโตอย่างต่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 5% กลไกเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเติบโต คนไทยทุกคนจะได้รับประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นได้" นายจุลพันธ์ กล่าว
สิ่งที่สื่อและสังคมยังเข้าใจผิด คือการเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านว่าเป็นสถานที่เล่นการพนัน หรือบ่อนกาสิโน ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
สำหรับสัดส่วนของกาสิโนจะอยู่ที่ 10% หรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มีการหารือว่าจะเขียนหรือไม่เขียน ตั้งแต่การยกร่างของกฎหมาย ซึ่งยอมรับว่าเขียนยาก เนื่องจากไม่ได้มีแค่จุดเดียว เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์สังคมในอนาคตขณะนั้นจะเป็นอย่างไร ความเหมาะสมจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นต้องให้อำนาจของ ครม. และผู้ที่จะมากำกับดูแลในอนาคต ได้มีโอกาสในการคิดวิเคราะห์ และตัดสินใจ
"เราคงไม่เขียนกฎหมาย หรือไปบังคับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะจะเป็นการจำกัดความคิดสร้างสรรค์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงเป็นอีกสาเหตุ ที่เราไม่ได้เขียนในรายละเอียดแนบท้าย ว่ากิจกรรมมีอะไรบ้าง" รมช.คลัง กล่าว
ส่วนประเด็นของการตั้งสำนักงาน Entertainment Complex นั้น เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย มีหลายข้อเสนอที่น่าสนใจ เพราะจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนโครงการที่มีเม็ดเงินเป็นแสนล้าน จึงมีความจำเป็นที่ต้องมีสำนักงาน
นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ "นิด้าโพล" เผยผลสำรวจความเห็นประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับโครงการ Entertainment Complex ว่า โครงการนี้ได้ผ่านกระบวนการทำประชาพิจารณ์มาเรียบร้อย ซึ่งประชาชนเห็นด้วย 80% ส่วนผลโพลที่ออกมาเป็นการพูดถึงพนันออนไลน์ ไม่ใช่เรื่อง Entertainment Complex ฉะนั้น ขอให้แยกประเด็น
"เรื่อง Entertainment Complex เป็นเรื่องการลงทุน และเติมเม็ดเงินใหม่เข้ามาในระบบเศรษฐกิจ ผ่านการก่อสร้างหรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น มีแหล่งดึงดูดใหม่ ๆ ตรงนี้ยังไม่เห็นความเห็นคัดค้าน แต่เชื่อว่าสังคมต้องมีความเห็นที่แตกต่างอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่จะเห็นชอบตรงกันหมด ส่วนที่ทำโพลออกมา เป็นคนละประเด็นกัน" รมช.คลัง กล่าว
สำหรับความเป็นห่วงของสังคมต่อปัญหาการพนันต่าง ๆ นั้น นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า เป็นเรื่องที่ ครม.เคยมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ไปศึกษา ทั้งเรื่องการพนันออนไลน์ และคอลเซ็นเตอร์ และมีผลศึกษากลับมายัง ครม.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ได้ศึกษาข้อปัญหานี้เช่นกัน และส่งกลับมายัง ครม.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง ครม.เห็นชอบ และส่งต่อไปยังกระทรวงดีอี กระทรวงมหาดไทย รวมไปถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปประชุมร่วมกันและยกร่างกฎหมาย
"ครม.ก็ต้องมีหน้าที่พิจารณาอีกครั้ง ว่าหากส่งกลับมาแล้ว จะเห็นชอบหรือไม่ ถ้าผ่าน ก็ต้องดำเนินการต่อไป อาจจะส่งไปยังสภาฯ ยืนยันว่าขณะนี้ยังมีเวลา และความชัดเจนที่จะต้องรอฟังอีกครั้ง" รมช.คลัง กล่าว
ส่วนการที่ให้เวลาคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปยกร่างและรวบรวมความคิดเห็นใน 50 วัน จะทันการประชุมสภาฯ ในสมัยนี้หรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า จากที่ได้รับฟังการหารือใน ครม.คิดว่าไม่น่าจะใช้ระยะเวลานานขนาดนั้น และเดินหน้าค่อนข้างเร็ว ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาประชุมถึงสัปดาห์ละ 2 วัน และถ้าเห็นประโยชน์ร่วมกันก็คาดว่าน่าจะราบรื่น
ส่วนสุดท้ายสภาฯ จะโหวตเห็นชอบหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะถือเป็นเอกสิทธิ์ของ สส. แต่เท่าที่ตนไปออกรายการร่วมกับ สส.พรรคหนึ่ง หลักคิดก็ไม่ได้แตกต่างกัน เขาเพียงห่วงแต่ประเด็นทางสังคม และประเด็นการฟอกเงิน และเชื่อว่าเมื่อถึงขั้นตอนการพิจารณาของกรรมาธิการ จะมีการร่างและแก้ไขอย่างเต็มที่