ส.อ.ท. วางเป้ายอดผลิตรถยนต์ปีนี้ 1.5 ล้านคัน หลังปี 67 พลาดเป้า

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 28, 2025 12:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มฯ และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในปี 68 ตั้งเป้ายอดผลิตรถยนต์อยู่ที่ประมาณ 1,500,000 คัน มากกว่าปี 67 ซึ่งมีจำนวน 1,468,997 คัน เพิ่มขึ้น 2.11% แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 1,000,000 คัน และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 500,000 คัน

  • ผลิตเพื่อการส่งออกจำนวน 1,000,000 คัน ลดลง 0.91% จากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 1,009,141 คัน จากปัจจัยลบ ได้แก่ ความชัดเจนในมาตรการด้านการค้าและอื่น ๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าจะขึ้นภาษีอากรนำเข้าอีกมากน้อยแค่ไหน, คู่แข่งในประเทศคู่ค้ามีมากขึ้น, ประเทศคู่ค้ามีการผลิตรถกระบะซึ่งอาจลดคำสั่งซื้อ และอาจส่งออกแทนประเทศไทยจากการผลิตรถกระบะลดลง, ความขัดแย้งและการสู้รบในภูมิภาคต่าง ๆ อาจขยายเพิ่มขึ้นทั้งภูมิภาคเดิมและภูมิภาคใหม่ และมาตรการเข้มงวดการปล่อยคาร์บอนของรถยนต์ของประเทศคู่ค้าที่ทำให้รถยนต์บางรุ่นนำเข้าไม่ได้

อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยบวก อาทิ ในระยะสั้นจากการขึ้นภาษีนำเข้าของประเทศสหรัฐอเมริกาไม่สูงมากนัก อาจจะไม่กระทบมูลค่าการค้าโลกมากดังที่กังวลกัน ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด, อัตราดอกเบี้ยอาจลดลงและราคาน้ำมันอาจลดลง ทำให้อำนาจซื้อของประเทศคู่ค้าสูงขึ้นส่งผลให้การส่งออกดีขึ้น ต้องติดตามว่าลดลงมากน้อยแค่ไหน และยังต้องติดตามสงครามในภูมิภาคต่าง ๆ ว่ายุติได้หรือไม่ ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจใช้เงินของประชาชนในประเทศต่าง ๆ

  • ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 500,000 คัน เพิ่มขึ้น 8.73% จากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 459,856 คัน จากปัจจัยบวก ได้แก่ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าโครงการ EV 3.0 ในอัตรา 1.5 เท่า, เศรษฐกิจในประเทศขยายตัว 2.4-2.9%, คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปี 67, ส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรรวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรมบางกลุ่มขยายตัวเพิ่มขึ้น, การแจกเงินของรัฐบาลให้กลุ่มต่าง ๆ, การกระตุ้นเศรษฐกิจ e-Receipt, การลงทุนของภาครัฐ, ปี 67 มีผู้ขอรับส่งเสริมการลงทุนในประเทศสูงถึง 1.12 ล้านล้านบาท สูงที่สุดในรอบสิบปี เพิ่มขึ้น 35% จากปี 66 โดยยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ 102,366 ล้านบาท, จะมีการลดดอกเบี้ยในประเทศซึ่งจะทำให้ต้นทุนและภาระการชำระหนี้ลดลงช่วยเพิ่มอำนาจซื้อในประเทศ และราคาน้ำมันอาจลดลงจากการเรียกร้องของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนการดำเนินงานลดลง อำนาจซื้อของประชาชนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายปัจจัยลบที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน เพราะมาตรการการปล่อยสินเชื่อแบบรับผิดชอบจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง, ติดตามดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมจะยังคงลดลงหรือไม่เพราะมีสัดส่วนถึง 30% ของเศรษฐกิจในประเทศและมีแรงงานถึง 16% ของแรงงานทั้งหมดในประเทศไทยซึ่งเกี่ยวข้องกับอำนาจซื้อในประเทศ, สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนอาจจะไม่รุนแรง ซึ่งจะทำให้การย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนมายังประเทศไทยชะลอตัวลงได้ เพราะประเทศไทยได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะส่งผลกระทบการจ้างงานในประเทศไทย, หนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูง อาจจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และค่าครองชีพยังทรงตัวในระดับสูงซึ่งจะส่งผลต่ออำนาจซื้อของประชาชน

*ยอดส่งออก ธ.ค. 67 ลดลง 15.46%

ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือนธ.ค. 67 อยู่ที่ 76,346 คัน ลดลง 15.46% จากฐานสูงเดือนธ.ค. 66 และจากปัจจัยการระมัดระวังในการใช้จ่าย จากความไม่แน่นอนในความขัดแย้งระหว่างประเทศและเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการแข่งขันจากการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน และรถยนต์ใช้น้ำมันจากหลายประเทศ รวมทั้งพื้นที่ในเรือไม่เพียงพอและจำนวนเที่ยวเรือลดลง รวมไปถึงมาตรการเข้มงวดการปล่อยคาร์บอนของรถยนต์ของประเทศคู่ค้าที่ทำให้รถยนต์บางรุ่นนำเข้าไม่ได้

ขณะที่มูลค่าการส่งออกกลุ่มรถยนต์เดือนธ.ค. 67 (เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่) อยู่ที่ 72,629.90 ล้านบาท ลดลง 13.88% จากเดือนธ.ค. 66 สำหรับยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของทั้งปี 67 อยู่ที่ 1,019,213 คัน ลดลง 8.80% จากปี 66 และมีมูลค่าการส่งออกกลุ่มรถยนต์อยู่ที่ 952,550.17 ล้านบาท ลดลง 2.08% จากปี 66

*ยอดผลิต ธ.ค. ลดลง 17.37%

ยอดผลิตรถยนต์เดือนธ.ค. 67 อยู่ที่ 104,878 คัน ลดลง 17.37% จากเดือนธ.ค. 66 ตามการผลิตขายในประเทศที่ลดลง 28.50% และยอดขายในประเทศที่ลดลง และการผลิตเพื่อส่งออกที่ลดลง 9.47% ตามยอดส่งออกที่ลดลง ในส่วนของจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ตลอดปี 67 อยู่ที่ 1,468,997 คัน จากเป้าหมายที่ 1,500,000 คัน โดยแบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออก 1,009,141 คัน และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 459,856 คัน โดยในภาพรวมถือว่าลดลง 19.95% จากปี 66

*ยอดขาย ธ.ค. เพิ่มขึ้น 27.67%

สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนธ.ค. 67 มีจำนวนทั้งสิ้น 54,016 คัน เพิ่มขึ้น 27.67% จากเดือนพ.ย. 67 แต่ลดลง 20.94% จากเดือนธ.ค. 66 โดยลดลงจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากหนี้ครัวเรือนสูง หนี้เสียรถยนต์ยังเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลงโดย ทำให้แรงงานมีอำนาจซื้อลดลง ทั้งนี้ ในภาพรวมปี 67 รถยนต์มียอดขายทั้งหมด 572,675 คัน ลดลง 26.18% จากปี 66

*ยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
  • ประเภท BEV เดือนธ.ค. 67 มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 7,146 คัน ลดลง 36.12% จากเดือนธ.ค. 66 โดยตลอดทั้งปี 67 มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 96,804 คัน ลดลง 3.21% จากปีก่อน โดยปัจจุบันมีจดทะเบียนทั้งสิ้น 227,470 คัน เพิ่มขึ้น 72.52% จากปีที่แล้ว
  • ประเภท HEV เดือนธ.ค. 67 มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 5,986 คัน เพิ่มขึ้น 8.66% จากเดือนธ.ค. 66 และตลอดทั้งปี 67 มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 127,214 คัน เพิ่มขึ้น 49.54% จากปีก่อน โดยปัจจุบันมีจดทะเบียนทั้งสิ้น 469,543 คัน เพิ่มขึ้น 36.65% จากปีที่แล้ว
  • ประเภท PHEV เดือนธ.ค. 67 มีจดทะเบียนใหม่จำนวน 521 คัน ลดลง 2.62% จากเดือนธ.ค. 66 และตลอดทั้งปี 67 มียอดจดทะเบียนใหม่สะสมจำนวน 9,372 คัน ลดลง 19.92% จากปีก่อน โดยปัจจุบันมีจดทะเบียนทั้งสิ้น 63,184 คัน เพิ่มขึ้น 17.05% จากปีที่แล้ว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ