นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการจัดทำ "อารีย์ สกอร์" ซึ่งเป็นการทำ Credit Scoring (คะแนนเครดิต) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งที่เข้ามาช่วยเสริมเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบ เพื่อให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
โดยคาดว่าจะสามารถสรุปการดำเนินการในกลุ่มแรก ได้ภายในเดือน ก.พ.นี้ หลังจากนั้นจะเร่งเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบโดยเร็วที่สุด
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำหรับข้อมูลที่จะอยู่ใน "อารีย์ สกอร์" ระยะแรก จะเป็นข้อมูลในส่วนที่กระทรวงการคลังมี เช่น ข้อมูลภาษี, หนี้สิน, เงินฝาก, การรับสวัสดิการต่าง ๆ เป็นต้น หลังจากนั้นหาก ครม. เห็นชอบ ก็จะเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ข้อมูลค่าน้ำประปา, ค่าไฟฟ้า, ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินมีฐานข้อมูลที่เข้มข้นมากขึ้นในการพิจารณาคะแนนเครดิตในการให้สินเชื่อ เพื่อเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะครอบคลุมประชาชนกว่า 60 ล้านคน
"สถาบันการเงินในกลุ่มแรก ๆ ที่จะนำ "อารีย์ สกอร์" ไปใช้ คือธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย หลังจากนั้น หากสถาบันการเงินไหนจะนำไปใช้ก็ได้ทั้งหมด เพราะ "อารีย์ สกอร์" ไม่ใช่ของรัฐ แต่เป็นเครื่องมือที่รัฐทำให้พร้อมใช้ ซึ่งมาตรฐานจะเหมือนกับเครดิตบูโร และเชื่อว่า "อารีย์ สกอร์" จะเป็นคนเปิดประตูให้ประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบ เข้ามาอยู่ในระบบและเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น" นายลวรณ กล่าว
ปลัดกระทรวงการคลัง ยังกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ว่า มั่นใจว่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% เนื่องจากรัฐบาลได้เร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น มาตรการแจกเงิน 10,000 บาท สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ (เฟส 2) วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท, มาตรการ Easy E-receipt และในช่วงไตรมาส 2/68 ก็จะมีมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 ทยอยออกมา ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินก้อนใหญ่ราว 1.5-1.6 แสนล้านบาท ซึ่งมาตรการเหล่านี้เป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ในไตรมาส 3/68 คาดว่ารัฐบาลก็น่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม อาจเป็นมาตรการที่ไม่ต้องใช้เงิน แต่เป็นมาตรการสร้างแรงจูงใจ (Incentive) ส่วนจะออกมาในช่วงไหน หรือเดือนไหน เชื่อว่าจะมีทีมงานพิจารณาความเหมาะสมอยู่แล้ว
นายลวรณ มองว่า การทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นการรักษาโมเมนตัมการขยายตัวของเศรษฐกิจไม่ให้แผ่วลง
"ครึ่งปีหลัง ต้องมาพิจารณาดูว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรทยอยออกมาอีก เพื่อให้การเติบโตยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการทยอยออกมาตรการอย่างต่อเนื่อง แทนการใส่เม็ดเงินตูมเดียวก้อนใหญ่ น่าจะช่วยรักษาระดับการเติบโตที่มีประสิทธิภาพได้มากกว่า...โดยหลัก ๆ เวลาพูดถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะมองกันที่ภาคท่องเที่ยว, อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมาตรการที่จะออกมา ก็น่าจะมีทั้งมาตรการที่ใช้เงิน และไม่ใช้เงิน" ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว