คลัง เผยเศรษฐกิจไทย ธ.ค. ได้อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยว-ลงทุนเอกชนโตต่อเนื่อง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 30, 2025 14:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คลัง เผยเศรษฐกิจไทย ธ.ค. ได้อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยว-ลงทุนเอกชนโตต่อเนื่อง

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือน ธ.ค. 67 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้า ที่ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 สอดคล้องกับการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนยังคงชะลอตัว

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสถานการณ์ของภาคการผลิตอุตสาหกรรม และนโยบายเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป

  • เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่การบริโภคหมวดสินค้าคงทนในหมวดยานยนต์ยังคงชะลอตัว โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือนธ.ค. 67 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 6.9% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 7.1% สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือนธ.ค.67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 57.9 จากระดับ 56.9 ในเดือนก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ รวมถึงการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว
คลัง เผยเศรษฐกิจไทย ธ.ค. ได้อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยว-ลงทุนเอกชนโตต่อเนื่อง

ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนธ.ค. 67 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 6.7% อย่างไรก็ดี การบริโภคหมวดสินค้าคงทนในหมวดยานยนต์ยังคงชะลอตัว สะท้อนจากปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนธ.ค. 67 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -27.5% และ -5.0% ตามลำดับ

  • เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนธ.ค.67 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 28.3%ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนธ.ค.2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -16.2% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 4.8%

สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนธ.ค.67 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 14.7% ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือนธ.ค.67 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 18.4% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -5.9%

  • มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนธ.ค.67 อยู่ที่ 24,765.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ที่ 8.7% และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวที่ 10.4%

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดอินเดีย อินโดจีน (4) สหรัฐฯ และจีน และขยายตัว 62.8% 20.7% 17.5% และ 15.0% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ตลาดทวีปออสเตรเลีย ลดลง -15.5%

  • เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว เดือนธ.ค. 67 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 3.63 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 11.2% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย รัสเซีย อินเดีย และเกาหลีใต้

เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนธ.ค.67 จำนวน 26.1 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 7.3% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -0.4%

ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนธ.ค.67 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.9% ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ อ้อยโรงงาน และข้าวเปลือก เป็นต้น อย่างไรก็ดี ผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมัน ลดลงจากเดือนก่อน สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนธ.ค.67 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 90.1 จากระดับ 91.4 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการผลิตภาคอุตสาหกรรม ชะลอลงจากการเร่งผลิตในเดือนก่อนหน้า รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้

  • สถานการณ์เศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากภาคบริการ สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของทั่วโลก (Global Composite PMI) ในเดือนธ.ค.67 อยู่ที่ระดับ 52.6 จุด ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.4 จุด ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของทั่วโลกภาคบริการ (Global Service PMI) อยู่ที่ระดับ 53.8 จุด ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และสูงกว่าระดับ 50.0 จุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 23 บ่งชี้ว่าภาคบริการยังคงขยายตัว น

นอกจากนี้ แนวโน้มเงินเฟ้อในหลายประเทศที่ยังคงชะลอลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในหลายประเทศ จะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม ภาคการผลิตยังคงเผชิญแรงกดดัน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของทั่วโลก ภาคการผลิต (Global Manufacturing PMI) ในเดือนธ.ค. 67 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 49.6 จุด จากระดับ 50.0 จุดในเดือนก่อนหน้า กลับเข้าสู่ภาวะหดตัวอีกครั้ง เนื่องจากผลผลิตและยอดคำสั่งซื้อใหม่เพื่อการส่งออกลดลง ขณะที่ราคาปัจจัยการผลิตปรับตัวสูงขึ้น สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ยังคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

  • เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธ.ค.67 อยู่ที่ 1.23% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.79% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนพ.ย.67 อยู่ที่ 64.4% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนธ.ค.67 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 237.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ