ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ธ.ค.67 หดตัวต่อเนื่อง ฉุดทั้งปีติดลบ 1.79%

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 31, 2025 11:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ธ.ค.67 หดตัวต่อเนื่อง ฉุดทั้งปีติดลบ 1.79%

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ธ.ค.67 อยู่ที่ 90.18 หดตัว 2.11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยที่ส่งผลลบต่อภาคการผลิต ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ที่หดตัวต่อเนื่อง ตลาดภายในประเทศชะลอตัว ปัญหาหนี้ครัวเรือน นอกจากนี้ ค่าครองชีพและต้นทุนพลังงานอยู่ในระดับสูง สถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมบางแห่งจำเป็นต้องหยุด และผลกระทบจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศที่ได้ดุลการค้าสหรัฐฯ โดยเฉพาะจีน อาจทำให้สินค้าเข้ามาสู่ไทยและอาเซียนมากขึ้น ส่งผลให้ดัชนี MPI ในปี 2567 อยู่ที่ 95.76 หดตัว 1.79%

ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิต (CapU) ธ.ค.อยู่ที่ 55.97% ส่วนปี 2567 อยู่ที่ 58.44%

ทั้งนี้ เมื่อเดือน พ.ย.67 สศอ.ได้ประมาณการดัชนี MPI ปี 2567 จะหดตัว 1.6% แต่ผลทั้งปี 2567 ออกมาหดตัว 1.79% เนื่องจากการผลิตยานยนต์ที่ต่ำกว่าเป้าจากการคาดการณ์เดิม 1.9 ล้านคัน ได้ปรับลดลงเหลือ 1.5 ล้านคัน ทำให้กระทบต่อดัชนี MPI เนื่องจะมีน้ำหนักในการคำนวณถึง 10.7% รวมถึงปัญหาสินค้านำเข้าจากต่างประเทศทะลัก ส่งผลกดดันการผลิตภายในประเทศของผู้ประกอบการไทย ซึ่งมูลค่าการนำเข้าปี 2567 ขยายตัว 6.3% โดยมีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นจากประเทศจีน ไต้หวัน และเวียดนาม โดยมูลค่าการนำเข้าขยายตัว 1.38%, 24.4% และ 18.1% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรม และ สศอ.ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าวและมีมาตรการต่าง ๆ เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทย ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม 9 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย และส่งเสริมการใช้แผงโซลาร์ในภาคอุตสาหกรรมไทย รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา ส่งเสริมอุตสาหกรรมให้ก้าวทันโลก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว

ขณะที่ยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายจากภาครัฐ เช่น โครงการแจกเงิน 10,000 บาท, โครงการพักหนี้ "คุณสู้ เราช่วย" ที่ช่วยในการตัดเงินต้น พักดอกเบี้ย 3 ปี และปิดจบหนี้ ทำให้ภาระหนี้สินครัวเรือนลดลง และสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งช่วยทำให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากการบริโภคที่เพิ่มขึ้น รวมถึงตลาดส่งออกที่ยังคงดีสะท้อนจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถัง และอากาศยานรบ) ขยายตัว 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2567 ขยายตัว 5.5% และภาคการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องขยายตัวเพิ่มขึ้น

*อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนธ.ค. ได้แก่
  • ยานยนต์ หดตัว 22.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดใหญ่ และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก เป็นหลัก ตามการชะลอตัวของตลาดในประเทศและตลาดส่งออกจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ
  • ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หดตัว 13.54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตาม Integrated circuits (IC) และ PCBA เป็นหลัก จากคำสั่งซื้อที่ลดลงจากลูกค้าและบริษัทแม่ในต่างประเทศ
  • น้ำมันปาล์ม หดตัว 32.56% จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เนื่องจากปริมาณผลปาล์มที่ลดลงจากปัญหาภัยแล้งในช่วงต้นปีและอุทกภัยทางภาคใต้ในช่วงปลายปี ทำให้เกษตรกรไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
*อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกเดือนธ.ค. ได้แก่
  • พลาสติกและยางสังเคราะห์ขั้นต้น ขยายตัว 18.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กผลิตภัณฑ์ Polyethylene (PE) Polypropylene (PP) และ Ethylene เป็นหลัก เนื่องจากฐานที่ต่ำในปีก่อนอันเกิดจากความต้องการของตลาดที่ชะลอตัว ส่งผลให้ผู้ผลิตบางรายหยุดผลิตชั่วคราว รวมถึงมีผู้ผลิตบางรายหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ แต่ในปีนี้ความต้องการของตลาดกลับมาเพิ่มสูงขึ้น และผู้ผลิตผลิตได้ตามปกติไม่มีการซ่อมบำรุง จึงส่งผลให้การผลิตในปีนี้เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • น้ำตาล ขยายตัว 22.19% จากผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ น้ำตาลทรายดิบ และน้ำตาลทรายขาว เป็นหลัก เนื่องจากปริมาณอ้อยเข้าหีบที่เพิ่มขึ้น ปริมาณน้ำมากพอในพื้นที่เพาะปลูกหลังมีฝนตกเพิ่มขึ้น และราคาอ้อยที่ในฤดูการผลิต 2566/67 ค่อนข้างสูง จูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก
  • เครื่องจักรอื่น ๆ ที่ใช้งานทั่วไป ขยายตัว 16.97% จากผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ เป็นหลัก ตามอุณหภูมิเฉลี่ยโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงผู้ผลิตบางรายสามารถส่งออกสินค้าที่ผ่านมาตรฐานการรับรอง ประกอบกับคำสั่งซื้อจากลูกค้าสหรัฐฯ อิรัก และประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมจำหน่ายในช่วงฤดูร้อน
*MPI ม.ค. แนวโน้มฟื้นตัว

สำหรับระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทยเดือน ม.ค.68 ส่งสัญญาณเฝ้าระวังแต่มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังจากปัจจัยภายในประเทศกลับมาอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง เนื่องจากความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจที่ปรับลดลง โดยภาคการผลิตกังวลต่อการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึงการลงทุนและปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ชะลอตัว ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ปกติเบื้องต้นตามการจ้างงานที่ดีขึ้น ทั้งภาคการผลิตญี่ปุ่นและสหรัฐฯ แต่ยังต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ในระยะถัดไป

*5 ธุรกิจเด่นในปี 2568 ได้แก่
  • ธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง, ธุรกิจโลจิสติกส์และซัพพลายเชน, ธุรกิจดิจิทัล, ธุรกิจด้านสุขภาพ และ ธุรกิจสีเขียว
*-5 ธุรกิจที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่
  • ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง, ธุรกิจสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป, ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบ, ธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ และธุรกิจที่ต้องปรับตัวตามนโยบายคาร์บอนโลก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ