ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 34.03 แนวโน้มกลับมาอ่อนค่า จับตานโยบายทรัมป์-ราคาทอง-ประชุม BoE

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 3, 2025 09:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ อยู่ที่ระดับ 34.03 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงหนักจากปิดสัปดาห์ก่อน ที่ระดับ 33.67 บาท/ดอลลาร์

โดยตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) อ่อนค่าลงหนัก เนื่องจากเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ท่ามกลาง ความกังวลนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ทั้งนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นทำ All-Time High ของ ราคาทองคำ

สำหรับในสัปดาห์นี้ ควรเตรียมรับมือความผันผวนจากความกังวลนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 และความ ผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ และผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)

ปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้ ตลาดจะรอติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อ (CPI) ดัชนี PMI ภาคการผลิต รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่น ภาคธุรกิจในเดือนม.ค.68 โดยในส่วนของ CPI คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.30% (y/y) นอกจากนี้ ตลาดจะรอลุ้นรายงานผลการดำเนินงาน ของบรรดาบริษัทจดทะเบียน

"แนวโน้มเงินบาท เสี่ยงที่จะกลับมาทยอยอ่อนค่าลง หรืออย่างน้อยแกว่งตัว Sideways หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าลงต่อ เนื่องจนทะลุโซนแนวต้าน 34.10-34.20 บาท/ดอลลาร์ อย่างชัดเจน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นแรง ตามความกังวลผลกระทบของนโยบายกีดกันทางการค้าล่าสุดของรัฐบาล Trump 2.0" นายพูนระบุ

ทั้งนี้ ต้องจับตาทิศทางราคาทองคำอย่างใกล้ชิดด้วย เนื่องจากหากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ ท่ามกลางภาวะปิดรับ ความเสี่ยงของตลาด ก็อาจพอช่วยหนุนเงินบาทได้

นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 33.90-34.20 บาท/ดอลลาร์

SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 34.07125 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 155.80 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ ที่ระดับ 154.56 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0238 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวนศุกร์ ที่ระดับ 1.0385 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.652 บาท/ดอลลาร์
  • ประเมินอุตสาหกรรมรถยนต์ ปี 2568 ยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ ทั้งภาวะเศรษฐกิจ ความเข้มงวดสถาบันการเงิน
ส่งผลยอดขายปีนี้ยังชะลอตัว โตโยต้าคาดปรับขึ้นเล็กน้อย ปิดตัวเลข 6 แสนคัน ขยายตัว 5%
  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเมื่อวันพฤหัสบดี และผู้กำหนดนโยบายเปิดโอกาสสำหรับการปรับลด
อัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนมี.ค. โดยความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซาได้รับความสำคัญมากกว่าความกังวลเกี่ยวกับ
เงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 ก.พ.) โดยกำหนดให้เรียก
เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 10% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วัน
อังคารที่ 4 ก.พ.ตามเวลาสหรัฐฯ
  • ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดาประกาศว่าจะตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ใน
อัตรา 25% ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องดื่มไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่เม็กซิโกประกาศว่าจะตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก
สหรัฐฯ เช่นกัน ส่วนรัฐบาลจีนประกาศว่าจะยื่นคำร้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อคัดค้านมาตรการดังกล่าวของสหรัฐฯ
  • กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า จะยื่นคัดค้านมาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์ต่อองค์การการค้าโลก
(WTO) และเตรียมใช้มาตรการตอบโต้ ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดในภายหลัง โดยภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันอังคารนี้ (4 ก.
พ.)ราคาบิตคอยน์ร่วงหลุดจากระดับ 100,000 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ (3 ก.พ.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าทั่วโลก
ได้ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
  • นักลงทุนวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหม่ของสหรัฐฯ อาจจะนำไปสู่สงครามการค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ
เศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทเอกชน
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวด
อาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวขึ้น
2.4% ในเดือนพ.ย.
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (31 ม.ค.)
ขณะที่ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลง และเปโซเม็กซิโกปรับตัวขึ้น หลังจากทำเนียบขาวระบุย้ำว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษี
นำเข้าในเดือน ก.พ.นี้
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (31 ม.ค.) จากแรงขายทำกำไร หลังราคาพุ่งทะลุระดับสำคัญที่ 2,800
ดอลลาร์/ออนซ์เป็นครั้งแรก โดยได้รับแรงหนุนจากการแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากคำขู่เรื่องภาษีของประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์"
เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.,
ดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค., ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนธ.ค., ตัวเลขจ้างงาน
ภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, ยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน,
ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.พ.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ