เช็คลิสต์สินค้าไทย เสี่ยงส่งออกลด! หลัง "ทรัมป์" ประกาศสงครามการค้ารอบใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 4, 2025 16:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เริ่มเดินหน้ามาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเป้าหมายกลุ่มแรกอยู่ที่ประเทศแคนาดา เม็กซิโก และจีน แม้ว่าจะมีการขยายเวลาการเก็บภาษีแคนาดา และเม็กซิโก ออกไป 30 วัน หลังทั้ง 2 ประเทศสามารถเจรจาบรรลุข้อตกลงในเบื้องต้นหลายข้อเกี่ยวกับความมั่นคงชายแดน

โดยการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในรอบนี้ เป็นเครื่องมือที่มีขอบเขตมากกว่าการค้า โดยใช้ต่อรองประเทศคู่ค้าให้ยอมเจรจาตามเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ มากขึ้น อาทิ นโยบายส่งกลับผู้อพยพที่ผิดกฎหมาย แก้ปัญหาภัยคุกคามจากยาเฟนทานิล ดึงเม็ดเงินลงทุนกลับประเทศ ส่งเสริมภาคธุรกิจและการผลิตในประเทศ เสริมสร้างความมั่นคงของชาติ ซึ่งแตกต่างจากครั้งแรกที่มีวัตถุประสงค์เพียงต้องการสร้างความเป็นธรรมทางการค้าให้แก่สหรัฐฯ

ทั้งนี้ สหภาพยุโรป เวียดนาม รวมถึงไทย มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกใช้เครื่องมือภาษีนำเข้า เพื่อต่อรองผลประโยชน์กับสหรัฐฯ ในลำดับถัดไป ซึ่งดูจากยอดมูลค่าการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ และสัดส่วนการพึ่งพิงตลาดส่งออกสหรัฐฯ เทียบกับ Nominal GDP โดยแคนาดา และเม็กซิโก พึ่งพิงตลาดส่งออกสหรัฐฯ ถึง 28.6% และ 18.2% ต่อ Nominal GDP ตามลำดับ สะท้อนถึงอำนาจการต่อรองของสหรัฐฯ ที่มากกว่า ในขณะที่จีนมียอดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงสุด

อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ คาดว่าจะส่งผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านแรงกดดันต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น จากราคานำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ห่วงโซ่อุปทานการผลิตกว่าครึ่งหนึ่ง นำเข้ามาจากเม็กซิโก และแคนาดา และอุตสาหกรรมพลังงานของสหรัฐฯ ที่มีสัดส่วนการนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียมจากแคนาดา และเม็กซิโก อยู่ที่ 63% ของการนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียมทั้งหมดของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ จะมีผลต่อทิศทางเงินเฟ้อที่ลงช้า และอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายได้น้อยกว่าที่ประเมิน ขณะที่การพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศมากกว่า

สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สงครามการค้าครั้งนี้ จะสร้างผลกระทบต่อภาพรวมการค้าโลก และส่งผลต่อเนื่องมายังการส่งออกไทย ดังนี้

1. ผลกระทบโดยตรงจากการส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ลดลง โดยสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ มากที่สุด ได้แก่ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน, โซลาร์เซลล์, ยางล้อ, เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น เนื่องจากมีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก และค่อนข้างมีความยืดหยุ่นต่อราคา

2. ผลกระทบทางอ้อมจากการส่งออกไปตลาดโลกได้น้อยลง จากการแข่งขันกับสินค้าจีนในตลาดโลกที่รุนแรงขึ้น อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน, ของเล่น เป็นต้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไทยมีข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบต่ำเมื่อเทียบกับจีน และเป็นสินค้าที่จีนมีมูลค่าการส่งออกสูง นอกจากนี้ การส่งออกไทยไปจีน ก็คาดว่าจะลดลงในกลุ่มที่มีความเกี่ยวเนื่องกับห่วงโซ่อุปทานการผลิตของจีน ได้แก่ ยาง พลาสติก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ข้อสรุปยังขึ้นกับการเจรจา ซึ่งในกรณีที่มีการเลื่อนระยะเวลาการขึ้นภาษีนำเข้ากับไทยออกไป การส่งออกไทยอาจได้อานิสงส์สั้นๆ จากการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น เพื่อแทนที่การนำเข้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีน ที่โดนขึ้นภาษีไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน, เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน, ยางรถยนต์, เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ