ผู้บริหาร ส.อ.ท.หนุนรัฐปรับโครงสร้างภาษีนำเข้า ค้านขึ้น VAT

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 5, 2025 10:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้บริหาร ส.อ.ท.หนุนรัฐปรับโครงสร้างภาษีนำเข้า ค้านขึ้น VAT

ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 43 ในเดือน ม.ค.68 ภายใต้หัวข้อ "ความเห็นต่อนโยบายการปฏิรูปภาษีไทย" จากผู้บริหาร ส.อ.ท.จำนวน 125 คน ครอบคลุมผู้ บริหาร 47 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด พบว่าผู้บริหาร ส.อ.ท.ส่วนใหญ่ เห็นด้วย หากภาครัฐดำเนินการปรับ โครงสร้างภาษีนำเข้าก่อน เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตในประเทศ และเตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อม จากสงครามการค้าที่คาดว่าจะมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ขณะที่ส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยที่จะมีการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ใน ช่วงเวลานี้

ผู้บริหาร ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน เป็นปัจจัยหลักที่ควรต้องนำมาประกอบการ พิจารณาดำเนินนโยบายปฏิรูปภาษี โดยเฉพาะการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) และ กระแสการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ที่ทำให้สินค้าส่งออกไทยตามเทรนด์เทคโนโลยีโลกไม่ทัน ส่งผลทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจไทย เปลี่ยนไปจากเดิม การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว

ขณะเดียวกันแนวทางการปฏิรูปภาษีควรดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีแผนและกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน ให้ภาคธุรกิจปรับ ตัว ตลอดจนออกมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการปรับอัตราภาษีแก่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ

นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า การปรับภาษีเงินได้นิติบุคคลตาม Global Minimum Tax ในอัตรา 15% ที่มีผลไป แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 อาจทำให้ภาครัฐไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนได้ดังเดิม ดังนั้น ภาครัฐต้องคำนึง ถึงความสามารถในการแข่งขันด้านการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศด้วย เช่น ต้นทุนวัตถุดิบ โลจิสติกส์ ฯลฯ

พร้อมทั้งเตรียมปรับปรุงกฎระเบียบ และเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนให้สอดคล้องเหมาะสม และมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ การพัฒนานวัตกรรม (Rule of law กฎหมายสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์) ตลอดจนพัฒนาคุณภาพการศึกษา และส่งเสริมแรงงานทักษะสูงรองรับ เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ ๆ ที่มีมูลค่าสูง

ผลสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 43 ทั้ง 6 คำถาม ดังนี้

1) ปัจจัยใดที่ควรนำมาประกอบการพิจารณาในการดำเนินนโยบายการปฏิรูปภาษีไทย

          อันดับ 1 : โครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม                               67.2%
          อันดับ 2 : ความสามารถในการแข่งขันในด้านภาษีกับประเทศคู่แข่ง                66.4%
          อันดับ 3 : เสถียรภาพทางการคลังและประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี                39.2%
          อันดับ 4 : แนวทางการปฏิบัติตามกฎกติกาสากล เช่น OECD                     13.6%

2) ภาครัฐควรดำเนินนโยบายการปฏิรูปภาษีไทยอย่างไร

          อันดับ 1 : ปรับโครงสร้างภาษีอย่างค่อยเป็นค่อยไปควบคู่กับ                     62.4%

มาตรการบรรเทาผลกระทบ

          อันดับ 2 : ขยายฐานภาษีและส่งเสริมให้เศรษฐกิจเข้ามาอยู่ในระบบ               52.0%
          อันดับ 3 : การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านภาษี             44.0%
          อันดับ 4 : ยึดหลักการลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้                           25.6%

และการเก็บภาษีบนฐานทรัพย์สิน

3) การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลตาม Global Minimum Tax ที่อัตรา 15% จะส่งผลดีอย่างไร

          อันดับ 1 : ลดต้นทุนทางภาษีให้กับบริษัท เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน               59.2%
          อันดับ 2 : ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) และลดแรงจูงใจ              44.8%

ที่นักลงทุนจะย้ายฐานไปประเทศที่มีภาษีต่ำกว่า

อันดับ 3 : ส่งเสริมความเท่าเทียมในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้มาตรฐานภาษีที่เท่าเทียม 43.2%

          อันดับ 4 : ช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนซ้ำภายในประเทศ                       27.2%

และมีมาตรการส่งเสริมที่ไม่ใช่ภาษีเพิ่มมากขึ้น

4) ภาคอุตสาหกรรมกังวลต่อการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลตาม Global Minimum Tax ที่อัตรา 15% ในเรื่องใด

          อันดับ 1 : ความสามารถในการแข่งขันด้านการดึงดูดการลงทุน                   64.0%

จากต่างประเทศด้านอื่นๆ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบ โลจิสติกส์ ฯลฯ

          อันดับ 2 : การปรับสิทธิประโยชน์จากมาตรการส่งเสริมการลงทุนของ BOI          44.0%
          อันดับ 3 : การปรับตัวของผู้ประกอบการจากการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลตาม GMT        36.0%
          อันดับ 4 : แผนการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ (FDI) อาจหยุดชะงัก           16.8%

5) ภาคอุตสาหกรรมมีความเห็นต่อนโยบายการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อย่างไร

          อันดับ 1 : ไม่เห็นด้วย                                                62.4%
          อันดับ 2 : เห็นด้วย                                                  37.6%

6) ภาครัฐควรเร่งพิจารณาปรับปรุงภาษีประเภทใด

          อันดับ 1 : ภาษีนำเข้า                                                48.8%
          อันดับ 2 : ภาษีนิติบุคคล                                               44.8%
          อันดับ 3 : ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง                                      38.4%
          อันดับ 4 : ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)                                        32.8%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ