นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เผยผลการดำเนินงานการบริหารลงทุนกองทุนเงินทดแทนในปี 2567 ว่า ผลการดำเนินงานของกองทุนเงินทดแทนในปี 2567 การบริหารการลงทุนยังสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น ตามมาตรฐานบัญชี 105 อยู่ที่ 4.29% ผลตอบแทนตามมาตรฐานบัญชี 106 อยู่ที่ 4.85% ผลตอบแทนที่รับรู้แล้วทางบัญชี มีมูล1550ค่ารวม 2,470 ล้านบาท แบ่งเป็น : ดอกเบี้ยจากตราสารหนี้ จำนวน 1,550 ล้านบาท เงินปันผลจากตราสารทุนและหน่วยลงทุน จำนวน 746 ล้านบาท กำไรจากการขายหลักทรัพย์ จำนวน 174 ล้านบาท
ณ สิ้นปี 2567 กองทุนเงินทดแทน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมถึง 81,505 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือเงินสมทบจากฝ่ายนายจ้าง จำนวน 50,824 ล้านบาท ผลตอบแทนสะสม จำนวน 30,681 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า การเติบโตของกองทุนเงินทดแทน ได้สะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง ซึ่งเป็นผลมาจากการวางกลยุทธ์การลงทุนที่รอบคอบและเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา
อีกทั้ง ยังมีแผนด้านกลยุทธ์การลงทุนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่มุ่งเน้นการกระจายความเสี่ยง และสร้างความสมดุลระหว่างการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโต ตามโครงสร้างการลงทุนด้านหลักทรัพย์เสี่ยง คิดเป็น 17.04% หรือ 13,890 ล้านบาท หลักทรัพย์มั่นคง คิดเป็น 82.96% หรือ 67,615 ล้านบาท การลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศและในประเทศ
โดยสินทรัพย์ต่างประเทศ คิดเป็น 22.77% หรือ 18,561 ล้านบาท และสินทรัพย์ภายในประเทศ คิดเป็น 77.23% หรือ 62,944 ล้านบาท ซึ่งกลยุทธ์การกระจายการลงทุนนี้ช่วยให้กองทุนสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดการเงินอีกด้วย
นางมารศรี กล่าวต่อไปว่า เป้าหมายในอนาคต ทิศทางในอนาคตของกองทุนเงินทดแทนยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้หลักการลงทุนที่มีธรรมาภิบาล โปร่งใส และนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน นอกจากนี้ กองทุนยังคงเดินหน้าปรับปรุงแนวทางการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาดการเงินโลก เพื่อให้มั่นใจว่ากองทุนจะสามารถรักษาความมั่นคงทางการเงิน และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับลูกจ้างและนายจ้างในระยะยาว ด้วยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและแนวทางการบริหารที่รัดกุม กองทุนเงินทดแทนพร้อมเดินหน้าสู่อนาคตที่มั่นคง และเป็นรากฐานสำคัญในการสนับสนุนระบบประกันสังคมของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป