นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจ กรมการค้าภายใน บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด นายตรวจชั่งตวงวัด และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทุกภาคส่วน ตรวจสอบกำกับดูแลผู้ประกอบการรับซื้อสินค้าเกษตรทั่วประเทศ โดยเฉพาะปาล์มน้ำมันที่ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทางการค้า
โดยเมื่อวันที่ 3-5 ก.พ. 68 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจ กรมการค้าภายใน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และนายตรวจชั่งตวงวัด ตรวจสอบสถานการณ์การรับซื้อปาล์มน้ำมันของผู้ประกอบการโรงสกัดและลานเท ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และกระบี่ พบว่า ราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันทะลายในพื้นที่อยู่ในระดับสูง โดยราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันทะลาย ที่น้ำมัน 18% อยู่ที่ 9.80-10.00 บาท/กก. อีกทั้งผู้ประกอบการยังให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีการแสดงราคารับซื้อที่ชัดเจนและเปิดเผย ใช้เครื่องชั่งน้ำหนักที่เป็นไปตามมาตรฐานที่กรมการค้าภายในกำหนด
นายอุดม กล่าวว่า ในช่วงนี้ผลปาล์มจะออกสู่ตลาดน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากภาวะภัยแล้ง โดยผลผลิตจะออกมากในช่วงปลายเดือนเม.ย.-มิ.ย. 68 จึงได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดและผู้ประกอบการโรงสกัด เตรียมความพร้อมและวางแผนการบริหารจัดการให้ดี ไม่ให้เกิดปัญหารถติดคิว หรือปาล์มค้างลาน ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้เกษตรกร และขอฝากถึงเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ให้ตัดปาล์มสุกเต็มที่ เพื่อให้ได้ปาล์มที่มีคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลถึงราคาที่เกษตรจำหน่ายได้ อีกทั้งยังไม่เป็นการทำลายระบบอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศอีกด้วย
กรมการค้าภายใน จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และนายตรวจชั่งตวงวัดลงพื้นที่ตรวจสอบกำกับดูแลตรวจสอบผู้ประกอบการรับซื้อปาล์มน้ำมันอย่างต่อเนื่อง และขอเตือนให้ผู้ประกอบการรับซื้อสินค้าเกษตรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยปิดป้ายแสดงราคารับซื้อปาล์มน้ำมัน ตั้งแต่ 18% ขึ้นไป ห้ามกระทำเพื่อให้ผลปาล์มน้ำมันร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ต้องขออนุญาตขนย้ายน้ำมันปาล์มทุกครั้ง
อย่างไรก็ดี หากพบว่ามีการกดราคารับซื้อ ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีไม่แสดงราคารับซื้อตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขการรับซื้อหรือมีการคิดค่าชั่งน้ำหนักสินค้าเกษตรที่รับซื้อ หรือลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 กรณีใช้เครื่องชั่งตวงวัดที่ไม่มีเครื่องหมายรับรองหรือคำรับรองสิ้นอายุในการซื้อขายสินค้า ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีโกงเครื่องชั่งหรือใช้เครื่องชั่งตวงวัดที่มีการดัดแปลงแก้ไข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาท ตามพระราชบัญญัติมาตรา ชั่งตวงวัด พ.ศ.2542 หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะดำเนินคดีอย่างเข้มงวด