นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี) มีมติแต่งตั้งคณะทำงานขึ้น 1 ชุด โดยมี ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจตามกฎหมายทุกหน่วยงานร่วมด้วยกว่า 20 หน่วยงาน เพื่อตรวจสอบนอมินี (คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อทำธุรกิจในไทยโดยเลี่ยง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542) และสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และเพื่อทำให้ทั้ง 2 ปัญหานี้หมดไปจากประเทศ โดยเร็ว ๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์ จะหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อร่วมกันดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
"คณะทำงานชุดนี้ จะทำงานเชิงรุก โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจตามกฎหมายเกี่ยวกับนอมินี และการนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ร่วมอยู่ด้วย ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการ ซึ่งจะร่วมกัน x-ray ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อกวาดล้างนอมินี และสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐานให้หมดไปจากประเทศไทย คาดจะเริ่มเอ็กซเรย์ทั่วประเทศได้ในเร็ว ๆ นี้" รมช.พาณิชย์ กล่าว
พร้อมระบุว่า คณะทำงานชุดนี้ จะต้องรายงานผลการดำเนินงานมายังคณะอนุกรรมการฯ ทุกเดือน จากนั้นคณะอนุกรรมฯ จะรายงานต่อคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่มีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ก่อนรายงานต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
สำหรับผลการปราบปรามนอมินี ตั้งแต่เดือนก.ย.-ธ.ค.67 นั้น สามารถจับกุมดำเนินคดีธุรกิจนอมินีได้แล้ว 783 คดี มูลค่าความเสียหาย 11,783 ล้านบาท ส่วนเดือนม.ค.68 จับกุมดำเนินคดีเพิ่มได้อีก 37 คดี ความเสียหาย 710 ล้านบาท รวมทั้งหมด 820 คดี มูลค่าความเสียหาย 12,495 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นนอมินีในธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์, ธุรกิจอื่นๆ เช่น ตลาดออนไลน์ วัสดุก่อสร้าง สำนักงานบัญชี ในพื้นที่กรุงเทพฯ ระยอง รวมถึงธุรกิจขนส่งสินค้าทางบก, ค้าอสังหาริมทรัพย์และเกี่ยวเนื่อง โดยมีทั้งต่างด้าวจากประเทศในยุโรป และเอเชีย
รมช.พาณิชย์ กล่าวต่อถึงการแก้ปัญหานิติบุคคลบัญชีม้าว่า จากการที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) แก้ปัญหาในเรื่องนี้ โดย CIB จะจัดส่งรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงต่อการฟอกเงิน และอาชญากรข้ามชาติ ในกรณีบุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคารที่ถูกใช้ในการกระทำความผิดมูลฐาน รหัส HR-03 ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาให้กรมฯ เพื่อตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องกับนิติบุคคลในไทยหรือไม่ อย่างไรนั้น
ล่าสุด ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (ศูนย์ AOC) สายด่วน 1441 ได้ส่งรายชื่อดังกล่าวมาให้แล้ว 3 ครั้ง ตั้งแต่เดือน ม.ค.68 รวม 204,000 ราย ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่ารายชื่อทั้งหมดมีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลในไทยรวม 1,159 ราย และทั้งหมดมีความเสี่ยงที่จะเป็นนิติบุคคลบัญชีม้า หรือธุรกิจสีเทาในไทย จึงได้ส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจตามกฎหมาย ทั้ง CIB, ปปง., กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อให้ดำเนินการต่อแล้ว