
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบปัญหาและให้ความสำคัญในการดูแลเกษตรกร ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล และตนในฐานะประธาน นบข. มีหน้าที่กำหนดมาตรการสินค้าข้าว เพื่อให้การบริหารจัดการสินค้าข้าวสอดคล้องกันทั้งระบบ จึงได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาแนวทางดูแลเกษตรกรชาวนาอย่างรอบคอบและเหมาะสม ทั้งด้านการผลิต และด้านการตลาด
ซึ่งในส่วนของ นบข. ได้ออกมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิต 2567/68 ไปแล้ว 3 มาตรการ เป้าหมาย 8.5 ล้านตัน เพื่อจัดการอุปทานข้าวและรักษาระดับราคาข้าวเปลือก ประกอบด้วย 1.สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 2.สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการเก็บสต็อก 3.สนับสนุนค่าบริหารจัดการ และพัฒนาคุณภาพผลผลิต ให้ชาวนาในอัตราไร่ละ 1,000 บาทไม่เกินครัวเรือน 10 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายชาวนา ประมาณ 4.61 ล้านครัวทั่วประเทศ
รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวถึงสถานการณ์ข้าวล่าสุดว่า ได้รับรายงานจากทั้ง 2 กระทรวง ว่าช่วงนี้เป็นฤดูกาลข้าวนาปรัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวเปลือกเจ้า ที่ออกมาแล้วเกือบ 10% และจะออกมากขึ้นในเดือน มี.ค.-เม.ย. ในพื้นที่ภาคกลาง และบางส่วนของภาคเหนือล่าง โดยส่วนใหญ่ ข้าวนาปรังจะมีการส่งออกทั้งข้าวขาว และข้าวนึ่ง ซึ่งในปีนี้ ราคาข้าวสารขาวในตลาดโลกปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่อย่างอินเดีย มีการส่งออกข้าวขาวมากขึ้น และคู่แข่งอย่างเวียดนาม ก็เสนอขายในราคาต่ำกว่าไทย ส่งผลต่อระดับราคาข้าวเปลือก
"ได้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ ให้เร่งผลักดันตลาดต่างประเทศเป้าหมาย เช่น แอฟริกาใต้ ฟิลิปปินส์ สำหรับการช่วยเหลือชาวนาที่มีประเด็นเกี่ยวกับการจัดการนาข้าวแบบไม่เผา รวมถึงผลกระทบจากการปล่อยน้ำเข้าพื้นที่นาข้าว และระบบน้ำชลประทาน ได้สั่งการกระทรวงเกษตรกรฯ ให้เร่งพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมให้เกษตรกรไม่เสียโอกาส และมีวิธีการจัดการนาให้เหมาะสม ทั้งด้านต้นทุน และระยะเวลา" รองนายกฯ ระบุ
สำหรับสถานการณ์ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง ปี 2567/68 คาดว่าจะมีปริมาณรวม 6.53 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้น 1.08 ล้านตันข้าวเปลือก หรือเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มีปริมาณอยู่ที่ 5.45 ล้านตันข้าวเปลือก ส่วนด้านผลผลิตเริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้วในเดือน ก.พ. 68 โดยจะออกกระจุกตัวช่วง มี.ค.-เม.ย. 68 ประมาณ 68% หรือ 4.42 ล้านตัน
สำหรับราคาข้าวเปลือกเจ้า ณ วันที่ 17 ก.พ. 68 ข้าวเปลือกเจ้า เฉลี่ย 8,650 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก 12,445 บาท/ตัน (ลดลง 30%) ทั้งนี้ ราคาปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ก.ย. 67 เป็นต้นมา
ส่วนข้าวชนิดอื่น ๆ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ข้าวเปลือกหอมมะลิ เฉลี่ย 16,000 บาท/ตัน ปรับเพิ่มขึ้นจาก 14,850 บาท/ตัน (เพิ่มขึ้น 8%) ข้าวเปลือกเหนียว เฉลี่ย13,250 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก 13,300 บาท/ตัน (ลดลง 0.4%) ข้าวเปลือกปทุมธานี เฉลี่ย 12,100 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก14,400 บาท/ตัน (ลดลง 16%) และข้าวเปลือกเจ้า เฉลี่ย 8,650 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก 12,445 บาท/ตัน (ลดลง 30%)