ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.65 แกว่งในกรอบ ตลาดรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 20, 2025 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.65 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก เปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 33.73 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลกและค่าเงินในภูมิภาค ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวใน กรอบ 33.59 - 33.71 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่

"บาทแข็งค่าตามภูมิภาค ระหว่างวันแกว่งตัวออกข้างแต่ยังอยู่ในกรอบ ตลาดยังรอปัจจัยใหม่เข้ามา" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.55 - 33.80 บาท/ดอลลาร์

ตลาดรอดูการประกาศตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง สหรัฐฯ (เฟด)

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 150.31 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 151.06 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0429 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0420 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,245.61 จุด ลดลง 16.66 จุด (-1.32%) มูลค่าซื้อขาย 56,280.90 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,876.03 ล้านบาท
  • ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ชี้มีความเป็นไปได้สูงที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตัดสินใจปรับลด
อัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% สู่ระดับ 2.00% ในรอบการประชุมที่จะถึงนี้ (26 ก.พ.)
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินยอดขายของธุรกิจค้าปลีกในปี 2568 จะขยายตัว 3.0% ต่ำสุดในรอบ 4 ปี โดยมีมูลค่าอยู่ที่
4.25 ล้านล้านบาท เนื่องจากมีหลายปัจจัยเสี่ยง เช่น การเติบโตของยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคยังมีความไม่แน่นอน ไม่มีปัจจัยหนุนยอด
ขายและความเชื่อมั่นของธุรกิจค้าปลีกที่ชัดเจน มาตรการรัฐกระตุ้นกำลังซื้อได้น้อย
  • กรรมาธิการด้านการค้าของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า EU พร้อมหารือเกี่ยวกับการปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์และสินค้า
อื่น ๆ เนื่องจากไม่ต้องการทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
  • ผลสำรวจคะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากชาวอเมริกันกังวลเกี่ยวกับทิศ
ทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศ
  • นักลงทุนประเมินการประกาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่จะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์

และยารักษาโรค รวมถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ