บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (24-28 ก.พ.68) จะมีแนวรับอยู่ที่ 1,235 และ 1,225 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,270 และ 1,285 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนม.ค.ของไทย การประชุมกนง. ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด นโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ (FundFlow)ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนม.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 (ครั้งที่ 2) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค.ของยูโรโซน ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.ของญี่ปุ่น
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามแรงขายหุ้นบิ๊กแคปและความกังวลต่อประเด็นนโยบายการค้าและทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี 3 เดือน ครั้งใหม่ที่ 1,236.80 จุดช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีแรงกดดันหลัก ๆ มาจากแรงขายหุ้นผู้ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานกังวลเรื่องผลกระทบจากการขาดสภาพคล่องของคู่ค้า และหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งหลังผลประกอบการไตรมาสล่าสุดออกมาต่ำกว่าคาดส่งผลให้หลายบล.แนะนำขาย ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ตามรายงานข่าวที่ว่ากระทรวงการคลังเตรียมเปิดกองทุน Thai ESG ใหม่เพื่อรองรับเม็ดเงินจากกองทุน LTF ที่ครบกำหนด
ดัชนีหุ้นไทยพลิกร่วงอีกครั้งในเวลาต่อมาสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสำหรับรถยนต์ ยา และเซมิคอนดักเตอร์ ประกอบกับบันทึกการประชุมเฟดสะท้อนว่าเฟดไม่มีความจำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ดีแรงขายของนักลงทุนชะลอลงในช่วงปลายสัปดาห์หลังร่วงลงแรงก่อนหน้านี้
อนึ่งสัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวได้ดีโดยมีแรงหนุนจากการประกาศจ่ายเงินปันผล รวมถึงหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็ขยับขึ้นเช่นกันจากข่าวที่ว่า ธปท. อยู่ระหว่างพิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์ LTV
ในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ.68 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,246.21 จุด ลดลง 2.04% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 52,240.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.59% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 3.82% มาปิดที่ระดับ 270.49 จุด