นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มฯ และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน ม.ค.68 อยู่ที่ 62,321 คัน ลดลง 28.13% จากเดือน ม.ค.67 โดยมีมูลค่าการส่งออก 41,445.30 ล้านบาท ลดลง 31.57%
เนื่องจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีการตอบโต้มากน้อยเพียงใด รวมทั้งการส่งออกของรถยนต์ไฟฟ้าจีนราคาถูกมาแข่งขันมากขึ้นในประเทศคู่ค้า และรถยนต์ส่งออกบางรุ่นกำลังจะเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ และเดือนธันวาคมมีวันหยุดมาก บางบริษัทเปิดทำการช้าในเดือนมกราคมจึงผลิตได้น้อย ทำให้เดือนมกราคมมีรถส่งออกได้น้อย ทั้งตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลาง และอเมริกาใต้
"สถานการณ์ส่งออกในเดือน ม.ค.68 ต่ำสุดในรอบ 33 เดือน...ส่งออกไปได้แค่ 83% ของกำลังการผลิต จากปกติที่จะส่งออกได้ถึง 98-99%" นายสุรพงษ์ กล่าว
ขณะที่จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือน ม.ค.68 มีทั้งสิ้น 107,103 คัน ลดลง 24.63% จากเดือน ม.ค.67 โดยเป็นยอดผลิตเพื่อขายในประเทศลดลง 31.78% ตามยอดขายที่หดตัว และผลิตเพื่อส่งออกลดลง 21.10% ตามยอดส่งออกที่ลดลงเช่นกัน
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือน ม.ค.68 มีจำนวนทั้งสิ้น 48,092 คัน ลดลง 12.26% จากเดือน ม.ค.67 เนื่องจากสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูง และเศรษฐกิจไทยปี 67 ขยายตัวในอัตราต่ำที่ 2.5% ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลงโดยเฉพาะผลผลิตยานยนต์ที่มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากลดลง แรงงานจำนวนมากมีรายได้ลดลง ทำให้ใช้จ่ายลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการช่วยเหลือค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อซื้อรถกระบะให้เร็วขึ้นจาก 4 เดือนเป็น 2 เดือน เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมผลิตมากขึ้น จ้างงานมากขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราสูงขึ้น ซึ่งจะสร้างบรรยากาศการลงทุนให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นตามความประสงค์ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากยอดขายรถกระบะเพิ่มขึ้น 6 แสนคัน รัฐก็จะมีรายได้จากภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 6 พันล้านบาท
"อุตสาหกรรมยานยนต์มีห่วงโซ่การผลิตที่ใหญ่ หากเกิดการกระตุ้นก็จะส่งผลดีในวงกว้าง เศรษฐกิจของประเทศจะเติบโต คนมีงานทำ ตอนนี้ไม่มีทำโอทีแล้ว รับเงินเดือนแค่ 75%" นายสุรพงษ์ กล่าว
สำหรับยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงในเดือน ม.ค.68
- ประเภท BEV จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 14,711 คัน ลดลง 7.73% จากเดือน ม.ค.67 และนับถึงวันที่ 31 ม.ค.68 มีจดทะเบียนสะสมทั้งสิ้น 242,076 คัน เพิ่มขึ้น 63.85% จากปีก่อน
- ประเภท HEV มีจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 13,545 คัน ลดลง 4.23% จากเดือน ม.ค.67 และนับถึงวันที่ 31 ม.ค.68 มีจดทะเบียนสะสมทั้งสิ้น 482,899 คัน เพิ่มขึ้น 35.02% จากปีก่อน
- ประเภท PHEV มีจดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,074 คัน ลดลง 14.26% จากเดือน ม.ค.67 และนับถึงวันที่ 31 ม.ค.68 มีจดทะเบียนสะสมทั้งสิ้น 64,246 คัน เพิ่มขึ้น 17.01% จากปีก่อน