ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ร่วงหนัก หลังดัชนี PPI สหรัฐ,ราคาน้ำมันพุ่งแรง

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินอื่นๆ หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือระดับ 129 ดอลลาร์/บาร์เรล และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) พุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรปอาจตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5667 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่  1.5517 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เงินปอนด์แข็งขึ้นแตะระดับ 1.9703 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9491 ดอลลาร์/ปอนด์
          เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังค์สวิส ดอลลาร์อ่อนตัวลงแตะระดับ 103.70 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ  104.34 เยน/ดอลลาร์ และร่วงลงแตะระดับ 1.0372 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0528 ฟรังค์/ดอลลาร์
          ดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.7757 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7723 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.9594 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9530 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
          ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนี PPI เดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 0.4% และหากเทียบเป็นรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 3% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี  1991 เป็นต้นมา
          นอกจากนี้ นักลงทุนยังกระหน่ำขายดอลลาร์สหรัฐหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือระดับ 129 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกลุ่มโอเปคส่งสัญญาณว่าจะไม่เพิ่มผลผลิตก่อนการประชุมเดือนก.ย.และจะไม่จัดการประชุมฉุกเฉินก่อนหมายกำหนดการอย่างแน่นอน
          ขณะที่ค่าเงินยูโรได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ชาวเยอรมนีที่ว่า ธนาคารกลางยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อในยุโรปที่พุ่งขึ้นเกินเป้าหมายของธนาคารกลาง
          ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 24 ปี หลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียเปิดเผยรายงานหลังการประชุมที่ส่งสัญญาณว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย