นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์ถึงการจัดการแข่งขัน Moto GP ที่จะหมดสัญญาในปี 69 ว่า หากจะต่อสัญญาจะต้องมีการพูดคุยกันตั้งแต่ปีนี้ โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ให้นโยบายมาว่า ต้องดูประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่อยากมองเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องของเศรษฐกิจ และธุรกิจ ว่าประเทศได้ประโยชน์อะไร ประชาชนได้ประโยชน์อะไร ถ้าตัวเลขทุกอย่างชัดเจน เชื่อมั่นว่าด้วยตัวเลขสถิติต่าง ๆ และการชื่นชมจากทั่วโลก รัฐบาลก็จะพิจารณาในการต่อสัญญาได้
นายก้องศักด กล่าวว่า การจัด Moto GP เม็ดเงินที่รัฐบาลลงทุนอยู่ประมาณ 400 กว่าล้านบาท แต่ได้มูลค่าเศรษฐกิจกลับมาประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งก็เกินกว่า 10 เท่า ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาโดยตรงอยู่ที่ 52,000 คน และยังพบว่า นักท่องเที่ยวยังเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด ทั้งภูเก็ต กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สร้างมูลค่าเพิ่มอีก
ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ในแง่ของเม็ดเงินรายได้ค่าใช้จ่ายที่เข้ารัฐโดยตรง บางคนอาจมองว่าอาจได้ไม่คุ้ม แต่มูลค่าเศรษฐกิจทั้งเรื่องการจ้างงาน รายได้ภาษี ถือว่าคุ้มค่า ซึ่งถ้าเปรียบเทียบตัวเลขดีขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 61 และอยู่ในระดับมูลค่าที่พึงพอใจ
"เมื่อจัดไปเรื่อย ๆ มีการปรับเปลี่ยน ดึงเอกชน ทำแคมเปญร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกกท. และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เทียบในปี 62 มีคนดูใน 3 วัน 226,000 คน กับปี 68 ที่มีคนดูกลับมาครั้งแรกหลังจากโควิด ใน 3 วัน 224,000 คน ทั้ง 2 ปีมีคนดูใกล้เคียงกัน แต่มูลค่าเศรษฐกิจปีนี้มากกว่าปี 62 ประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการใช้จ่ายของต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในไทยในช่วงเวลาที่มากขึ้น ค่าใช้จ่ายต่อหัวมากขึ้น ใช้จ่ายร้านค้า ร้านอาหารมากขึ้น การจ้างงานก็มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 7,000 กว่าตำแหน่ง" นายก้องศักด กล่าว
ในส่วนของลิขสิทธิ์ Moto GP นายก้องศักด กล่าวว่า ลิขสิทธิ์ตัวเลขจะไม่นิ่ง เนื่องจากเป็นแบบขั้นบันได และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) คือ ให้สนับสนุนครึ่งหนึ่ง เช่น ปีล่าสุดลิขสิทธิ์ 420 ล้านบาท ได้สนับสนุนประมาณ 200 ล้านบาท นอกเหนือจากนั้นต้องหาจากระบบสิทธิประโยชน์ บริษัทพาร์ทเนอร์ ส่วนค่าจัดการแข่งขันต่าง ๆ ที่เหลืออยู่ ก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ
"ถ้าเรายังจะจัด Moto GP ต่อ โดยที่โยนภาระให้เอกชนอย่างเดียว รับประกันได้เลยว่าจัดไม่ได้" นายก้องศักด กล่าว
*Moto GP vs F1
หากเทียบผลตอบแทนทางเศรษฐกิจระหว่างการจัดการแข่งขัน Moto GP กับ Formula 1 นายก้องศักด กล่าวว่า ตอนนี้การศึกษาเรื่อง Formula 1 ยังไม่เป็นที่ยุติ ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึกษาร่วมกับต่างประเทศ ดังนั้น ต้องรอตัวเลขว่าลงทุนเท่าไหร่ จะได้มูลค่าเศรษฐกิจเท่าไหร่ แต่ก็จะเป็นการประมาณการเทียบจากประเทศที่ใกล้เคียงกับไทย ซึ่งไม่เหมือนตัวเลขของ Moto GP ที่เป็นตัวเลขจริง
ส่วนจะรอผลการศึกษา Formula 1 ก่อนตัดสินใจต่อสัญญา Moto GP หรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่า รอไม่ได้ เพราะอีเวนท์แยกจากกัน ฐานแฟนคลับ และมิติต่าง ๆ ค่อนข้างแตกต่างกัน
สำหรับ Formula 1 ต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน แล้ว มาถึงรัฐบาลนี้ นายกรัฐมนตรีก็ให้ดูรายละเอียด ซึ่งเราก็อยากให้ผลการศึกษาเร็ว แต่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะมูลค่า Formula 1 สูงกว่า Moto GP ดังนั้น การพิจารณาต้องเป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบ แต่มีความเป็นไปได้ที่ไทยจะมี Moto GP และ Formula 1 ควบคู่กันไป ไม่จำเป็นต้องตัดรายการใดรายการหนึ่งออก ถ้าพิสูจน์แล้วว่าทั้ง 2 รายการมีประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน
อย่างไรก็ตาม หากจะต่อสัญญา Moto GP ก็ต้องเร่งทำงาน เพราะดอร์น่า สปอร์ต สอบถามมาตลอด เพราะเขาต้องตัดสินใจ เนื่องจากไม่ได้มีประเทศไทยประเทศเดียวที่กำลังอยู่ระหว่างตัดสินใจ มีหลายประเทศที่ต่อคิวไทย และตอนนี้กระแส Moto GP ค่อนข้างแรง หลายประเทศอยากเป็นเจ้าภาพ ดังนั้น ถ้าเรายิ่งช้าก็ยิ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อการต่อรอง
*คามเป็นไปได้ จ.ชลบุรี สนามแข่ง F1
นายก้องศักด กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่พร้อม แต่สามารถปรับปรุงพัฒนาได้ เรามีหลากหลายทางเลือก ทั้งอาจจะเป็นที่กรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด หรือเป็น Street road หรือสร้างสนามขึ้นมาใหม่ หรือปรับปรุงสนามก็ทำได้