ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.81 แข็งค่าสุดในภูมิภาค จับตาสุนทรพจน์ "ทรัมป์" ต่อสภาคองเกรสพรุ่งนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 4, 2025 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.81 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิด ตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 33.91 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.81 - 34.07 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน โดยวันนี้เงินบาทแข็งค่าสุด เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลก ยังขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ย่อลง และตลาดยังมีความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอ หลังดัชนี ISM ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามช่วงนี้ คือราคาทองคำในตลาดโลก ส่วนในวันพรุ่งนี้ตลาดรอติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.75 - 34.05 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 148.93 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 148.90 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0515 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0491 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,177.64 จุด ลดลง 10.77 จุด (-0.91%) มูลค่าซื้อขาย 42,064.95 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 873.73 ล้านบาท
  • รมช.คลัง กล่าวถึงดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ว่า มองเป็นจังหวะเข้าซื้อ เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไม่เปลี่ยน
พร้อมยืนยันว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเกือบทุกตัวอยู่ในช่วงขาขึ้น ยกเว้นกลุ่มยานยนต์ ซึ่งตั้งแต่ปี 67 ที่ผ่านมาตัวเลขเศรษฐกิจ ทั้งตัวเลขการบริ
โภค ตัวเลขการส่งออกและตัวเลขเสถียรภาพทางการเงินต่าง ๆ มีการเติบโตเพิ่มขึ้น ทุกอย่างบ่งชี้และบ่งบอกว่าเศรษฐกิจอยู่ในทิศทางที่ดี
ขึ้น ซึ่งก็น่าจะส่งผลดีมาถึงแนวโน้มในไตรมาส 1/68 ให้ออกมาดีเช่นเดียวกัน นั่นคือหลักฐานที่รัฐบาลยืนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งเป็น
หลักฐานเชิงประจักษ์
  • ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจโตไม่ถึง 3% จากแนวโน้ม
ของการบริโภคในประเทศมีทิศทางชะลอตัวลง รวมถึงธุรกิจในภาคการผลิตยังคงซบเซาส่วนหนึ่งจากการแข่งขันที่สูงจากสินค้าราคาถูกจาก
ต่างประเทศ ล่าสุดการประชุมกนง. เมื่อวันที่ 26 ก.พ. นอกจากปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 2.00% เซอร์ไพรส์ตลาดแล้ว
ยังเตรียมจะปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ลงจาก 2.9% อาจไปอยู่ที่สูงกว่า 2.5% เล็กน้อยในการประชุมครั้งหน้าในเดือนเม.ย. นอก
จากนี้ เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงมากขึ้นจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ เพราะประธานาธิบดีทรัมป์จะใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้
(Reciprocal Tariffs) ซึ่งมาตรการนี้จะให้อำนาจประธานาธิบดีปรับอัตราภาษีนำเข้าให้เท่ากับอัตราที่ประเทศคู่ค้าเรียกเก็บจากสินค้า
สหรัฐฯ
  • ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ชี้ภาวะการส่งออกของไทยในเดือนม.ค. 68 ที่ขยายตัว
13.6% เป็นภาพลวงตา โดยพบการกระจุกตัวในสินค้าบางกลุ่มที่เติบโตผิดปกติ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัว 17% เครื่องใช้ไฟฟ้าขยาย
ตัว 10% เนื่องจากความกังวลเรื่องผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าจึงเป็นการเร่งส่งออกล่วงหน้า ขณะที่การใช้กำลังการผลิตไม่ได้
ขยายตัวเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง ค่าระวางเรือมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากปริมาณการส่งออกลดลง
  • รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภาพรวมการท่องเที่ยวไทย ล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-2 มี.ค. 68 มีจำนวนนักท่อง
เที่ยวชาวต่างชาติสะสมทั้งสิ้น 7,021,344 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 343,405 ล้านบาท
  • ซีอีโอของโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) คาดการณ์ว่า มีโอกาส "น้อยมาก" ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่
ภาวะถดถอย แม้จะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของประเทศทั่วโลกก็ตาม
  • กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์จีน ประกาศว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ บางรายการเพิ่มอีก

15% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. พร้อมกับควบคุมการส่งออกสินค้าไปยังบริษัทสหรัฐฯ จำนวน 15 แห่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ