นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.68 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากปิดวันก่อนที่ระดับ 33.87 บาท/ดอลลาร์
คืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในลักษณะ Sideways Down โดยได้แรงหนุนตามการทยอยปรับตัว สูงขึ้นของราคาทองคำ จากความต้องการถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกันเงินดอลลาร์ก็พลิกกลับมาอ่อนค่าลง
วันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ โดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด
นอกจากนี้ ตลาดจะรอติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงเวลา 09.00 น. ตามเวลา ประเทศไทย
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท ยังมีความเสี่ยงที่อาจทยอยอ่อนค่าลงได้ ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีด กันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่อาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดทุนฝั่งเอเชีย ทำให้เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า จากแรงขาย สินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติได้
นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 33.60-33.90 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 149.83 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 148.93 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0622 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 1.0515 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 33.968 บาท/ดอลลาร์
- ทั่วโลกจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (5 มี.
- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (4 มี.
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันอังคาร (4 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำใน
- จีนได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2568 ไว้ที่ ประมาณ 5% ขณะเดียวกัน จีน
- บรรดานักลงทุนจับตาการประชุมสองสภา (Two Sessions) ของจีนซึ่งเปิดฉากแล้วในวันนี้ ณ มหาศาลาประชาชนในกรุง
- รมว.คลังญี่ปุ่น ปฏิเสธข้อกล่าวหาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ที่อ้างว่าญี่ปุ่นทำการปั่นค่าเงิน โดยจงใจทำ
- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ., ดัชนีผู้
จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.พ., ดัชนีภาคบริการเดือนก.พ., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค., รายงานสรุป
ภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดนำเข้า ยอดส่ง
ออก และดุลการค้าเดือนม.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.