กทพ.เดินหน้าทางด่วนภูเก็ต 2 ตอน ชงครม.อนุมัติปี 68 คาดเปิดบริการปี 73

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 7, 2025 17:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กทพ.เดินหน้าทางด่วนภูเก็ต 2 ตอน ชงครม.อนุมัติปี 68 คาดเปิดบริการปี 73

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า กทพ. ได้ดำเนินโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทางถนน แก้ไขปัญหาการจราจร และอำนวยความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางให้กับคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว ประกอบด้วย โครงการทางพิเศษ 2 ระยะ ได้แก่

  • โครงการระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง มีระยะทาง 3.98 กิโลเมตร (กม.) มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 16,759 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 5,793 ล้านบาท , ค่าก่อสร้างงานโยธา 9,975 ล้านบาท, ค่าควบคุมงานก่อสร้าง 279 ล้านบาท และค่าก่อสร้างงานระบบจัดเก็บค่าผ่านทางและระบบควบคุมจราจร (งานระบบ) 712 ล้านบาท

ตามแผนงาน โครงการระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ขณะนี้ ได้เสนอไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วโดยอยู่ในขั้นตอนสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันกระทรวงการคลังเห็นชอบ คาดว่าจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ในปี 2568 และประมูลคัดเลือกผู้รับเหมา คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ปลายปี 2568 หรือต้นปี 2569 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี แล้วเสร็จปลายปี 2572 เปิดให้บริการปี 2573

  • โครงการระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ มีระยะทาง 30.62 กม. มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 45,930 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 21,188 ล้านบาท , ค่าก่อสร้างงานโยธา 22,620 ล้านบาท, ค่าควบคุมงานก่อสร้าง 604 ล้านบาท และค่าก่อสร้างงานระบบจัดเก็บค่าผ่านทางและระบบควบคุมจราจร (งานระบบ) 1,518 ล้านบาท

โดยจะเสนอขออนุมัติให้กทพ.ดำเนินโครงการ โดยจัดทำแบบรายละเอียด (Detail & Design) ปี 2568-2569 ก่อสร้างปี 2570-2572 (ใช้เวลา 3 ปี ) เปิดให้บริการปี 2573 ใกล้เคียงกับการเปิดให้บริการ ระยะที่ 1

ในขณะที่งานก่อสร้างระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง ระบบควบคุมและบริหารจัดการจราจร ทั้ง 2 ระยะที่เป็ณการร่วมลงทุนเอกชนนั้น คาดว่าจะเสนอโครงการตามขั้นตอน พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ พ.ศ.2562 ในปี 2568-2569 ดำเนินการคัดเลือกเอกชน ในปี 2569-2571 เริ่มก่อสร้างระบบในปี 2571 ซึ่งจะพอดีกับงานโยธาและกำหนดเปิดให้บริการทั้ง 2 ระยะ ในปี 2573

ส่วนค่าดำเนินการและบำรุงรักษา (O&M) โครงการทั้ง 2 ระยะ (PPP ตลอดเวลา 30 ปี) รวมประมาณ 24,800 ล้านบาท

สำหรับการจัดเก็บค่าผ่านทางของโครงการระยะที่ 1 จัดเก็บค่าผ่านทางอัตราเดียว (Flat Rate) ซึ่งจะมีช่องทางสำหรับรถจักรยายนยนต์ด้วย มีอัตราค่าผ่านทาง ณ ปีเปิดให้บริการ (ปี 2573) เท่ากับ 15/ 40/ 85/ 125 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์/ รถ 4 ล้อ/ รถ 6-10 ล้อ/ รถมากกว่า 10 ล้อ ตามลำดับ โดยปรับทุก 5 ปี ตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) 2% ต่อปี โดยปีสุดท้าย ค่าผ่านทางจะอยู่ที่ 35/70/155/230 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์/ รถ 4 ล้อ/ รถ 6-10 ล้อ/ รถมากกว่า 10 ล้อ ตามลำดับ

ส่วนโครงการระยะที่ 2 ไม่มีช่องทางจักรยานยนต์ จัดเก็บค่าผ่านทางตามระยะทาง (Distance-Based Rate) ซึ่งจะเป็นธรรมกับผู้ใช้ทาง โดยมีอัตราค่าแรกเข้า 40/ 80/ 120 บาท และค่าผ่านทางต่อระยะทาง 1.50/ 3.00/ 4.50 บาทต่อกิโลเมตร สำหรับรถ 4 ล้อ/ รถ 6-10 ล้อ/ รถมากกว่า 10 ล้อ ตามลำดับ โดยหากวิ่งระยะที่ 1- ระยะที่ 2 สำหรับรถ 4 ล้อ จ่ายค่าผ่านทาง 115 บาท

โดยคาดการณ์ ณ ปีเปิดให้บริการ (ปี 2573) มีปริมาณจราจร ประมาณ 69,386 คัน/วัน มีรายได้ 3.65 ล้านบาท/วัน และเติบโต จนถึงปีสุดท้าย (ปี 2603 ) มีปริมาณจราจร ประมาณ 205,926 คัน/วัน มีรายได้ 20.21 ล้านบาท/วัน

โครงการมีอัตราผลตอบแทนด้านการเงิน (FIRR) เท่ากับ 1.82% และโครงการนี้มีความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ อัตราผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ (EIRR) เท่ากับ 18.85%

ด้านที่ปรึกษาชี้แจงรูปแบบการลงทุน ระบุว่า รูปแบบลงทุน อยู่ระหว่างการพิจารณา ระหว่าง PPP -Net Cost (เอกชนรับสัมปทานจัดเก็บรายได้และจ่ายส่วนแบ่งให้รัฐ) ,PPP-Gross Cost (รัฐจัดเก็บรายได้และจ่ายค่าตอบแทนให้เอกชน) หรือ PPP-Modified Gross Cost (รัฐจัดเก็บรายได้และจ่ายค่าตอบแทนให้เอกชน และได้ค่าตอบแทนเพิ่มเติมตามเงื่อนไขเพื่อเป็นแรงจูงใจ) โดยในส่วนของกทพ.คาดว่ารูปแบบ PPP-Gross Cost ค่อนข้างเหมาะสม

ส่วน FIRR ที่ต่ำมากนั้น ที่ปรึกษาระบุว่า เป็นการประมูลค่าลงทุนทั้งโครงการ ทั้งค่าเวนคืน ค่าก่อสร้าง และงานระบบ มูลค่า 87,489 ล้านบาท แต่ในการประมูล PPP นั้นเพื่อเป็นการจูงใจเอกชน รัฐจะออกค่าเวนคืนและกทพ.ลงทุนค่าก่อสร้างงานโยธา ส่วนเอกชนจะลงทุนงานระบบ บำรุงรักษา (O&M) โครงการทั้ง 2 ระยะ (PPP ตลอดเวลา 30 ปี) รวมประมาณ 24,800 ล้านบาท โดยในช่วง 2 ปีแรก จะต้องเร่งก่อสร้างงานระบบของโครงการทั้ง 2 ระยะมูลค่ารวมประมาณ 2,230 ล้านบาทก่อน รวมมูลค่าร่วมลงทุนเอกชน 27,030 ล้านบาท ซึ่งเมื่อตัดค่าเวนคืนและค่าก่อสร้างงานโยธาออกจะทำให้ FIRR โครงการไปอยู่ที่ 40%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ