
นางแพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุล ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านรายได้ รายจ่าย และเงินกู้ โดยการบริหารเงินคงคลัง ดำเนินการภายใต้คณะทำงานมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ, สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และกรมบัญชีกลาง ซึ่งจะทำการติดตามความเคลื่อนไหวของเงินคงคลังให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และเพียงพอต่อการเบิกจ่ายเงินของส่วนราชการในแต่ละเดือน
"เงินคงคลัง จะต้องมีจำนวนไม่น้อยเกินไป จนเป็นปัญหาต่อการเบิกจ่ายเงินตามปกติของส่วนราชการ และต้องไม่มากเกินไป จนเกิดความสูญเปล่า เพราะรัฐบาลยังมีภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยจากหนี้สาธารณะที่รัฐบาลกู้เงิน ซึ่งระดับเงินคงคลังที่เหมาะสม จึงขึ้นอยู่กับความต้องการเบิกจ่ายเงินของส่วนราชการที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา" อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าว
พร้อมระบุว่า กรมบัญชีกลาง จึงได้บริหารเงินคงคลังให้คงเหลือ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2568 จำนวน 245,494 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่เพียงพอต่อการเบิกจ่ายเงินของส่วนราชการในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีการเบิกจ่ายเงินที่กันเหลื่อมปีมาจากปีงบประมาณ 67 ไปแล้วประมาณ 53% และมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี 68 ไปแล้วกว่า 45%
"กรมบัญชีกลาง มีการดูปริมาณเงินคงคลังอย่างใกล้ชิด ให้เพียงพอต่อความต้องการการใช้เงินของส่วนราชการ เพราะกรมบัญชีกลางกำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายเงินของส่วนราชการเป็นรายเดือน โดยได้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมาย...ต้องขอเน้นย้ำให้ส่วนราชการ เร่งรัดการเบิกจ่ายให้ได้ตามเป้าหมายที่กรมบัญชีกลางวางไว้ เพื่อเป็นการฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ" อธิบดีกรมบัญชีกลาง ระบุ