ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเห็นชอบในหลักการแจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทให้กับวัยเรียนในช่วงอายุ 16-20 ปีราว 2.7 ล้านคนที่ลงทะเบียนผ่านแอปฯ "ทางรัฐ" เพื่อช่วยในเรื่องของค่าครองชีพ และเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต ซึ่งจะเสนอเข้าสู่ ครม.ในเร็ว ๆ นี้
ส่วนกลุ่มถัดไปขอดูจังหวะและความเหมาะสมอีกครั้งเชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน โดยที่ประชุมวันนี้จะเปิดให้ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนเข้ามาลงทะเบียนผ่าน 4 ธนาคารรัฐ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ไปรษณีย์ไทย และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการจัดทำแอปพลิเคชั่นเสร็จแล้ว เหลือเพียงการกำหนดกรอบเวลาลงทะเบียนอีกครั้ง
"วันนี้เราได้รับความเห็นชอบในหลักการ ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็ได้รับมอบหมายภารกิจให้ไปดำเนินการ ซึ่งนายกฯ เป็นห่วงเรื่องความผิดพลาดในการจ่ายเงิน ซึ่งผมได้ยืนยันไปว่าการจ่ายเงินด้วยดิจิทัลวอลเล็ตจะช่วยลดความผิดพลาดลงไปได้ เพราะจะมีระบบ cross check ว่าไปใช้จ่ายที่ไหน" นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าว
สำหรับช่วงเวลาในการแจกเงินเฟส 3 น่าจะเป็นช่วงปลายไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส 3 ซึ่งจะพิจารณาถึงวินัยการเงินการคลัง ความคุ้มค่า และประโยชน์ที่ได้จึงต้องพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบ
กระบวนการใช้จ่ายยังเหมือนเดิม แต่จะตัดเงื่อนไขสินค้า Negative Lists ออก ไม่ได้ห้ามตัวสินค้า แต่เปลี่ยนไปใช้ข้อมูลการลงทะเบียนร้านค้าเป็นหลัก เช่นถ้าเป็นร้านโชห่วยที่มีสินค้าหลากหลายก็สามารถซื้อสินค้าได้ทุกประเภท
ส่วนพื้นที่ในการใช้เงินดิจิทัลยังเป็นพื้นที่ภายในอำเภออยู่ สามารถจ่ายค่าเทอมได้ จ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ โดยหวังผลการกระตุ้นเศรษฐกิจมาก
นอกจากนี้ยังตัดเรื่องร้านค้าที่สามารถขึ้นเงินสดได้ โดยไม่จำกัดเฉพาะร้านค้าที่เสียภาษีเท่านั้น เพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ร้านค้าสามารถเข้าร่วมโครงการได้มากขึ้น
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า การเลือกกลุ่มเป้าหมายนั้น รัฐบาลจะพิจารณาว่าควรจะใช้งบเท่าไหร่ ช่วงเวลาไหนไปตามภาวะเศรษฐกิจที่เหมาะสม โดยภาวะเศรษฐกิจในช่วงปลายไตรมาส 2 และ 3 จะชะลอตัวจึงเลือกช่วงเวลานั้น ซึ่งมีงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลกันไว้ใช้จำนวน 1.5 แสนล้านบาท
"ที่เลือกกลุ่ม 16-20 ปี เพราะมีความตื่นรู้ทางด้านดิจิทัลสูง มีความสามารถในการใช้จ่ายแบบนี้สูงกว่ากลุ่มอื่น ด้วยเม็ดเงินที่เหมาะสม ช่วงเวลาที่เหมาะสม" นายเผ่าภูมิ กล่าว
เป้าหมายของการดำเนินมาตรการดังกล่าวนั้นเวลาที่ดูมิติทางเศรษฐกิจไม่อยากให้ดูแค่ตัวเลขจีดีพีที่เพิ่มขึ้น แต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงมาก ขณะเดียวกันก็สามารถลดความเหลื่อมล้ำได้เร็วกว่าปกติ 2-3 ปี
"เวลารัฐบาลบริหารเงิน อยู่ ๆ ไม่ใช่จะทุ่มเม็ดเงินลงไป ต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม เงินจำนวนเดียวกันใส่ลงไปในแต่ละช่วง ค่าของระบบเศรษฐกิจต่างกัน" นายเผ่าภูมิ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมวันนี้ยังรับทราบความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้เกิน 3% ใน 4 แนวทาง คือ
1.การเร่งรัดการลงทุนภาครัฐจากปกติ 70% ให้เพิ่มเป็น 80% ในปีนี้
2.กระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน โดยร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เร่งการลงทุนของภาคเอกชนให้เร็วขึ้นจาก 3 ปี เป็น 2 ปี
3.กระตุ้นการส่งออกปีนี้ให้สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยให้ขยายตัวได้ 4%
4.กระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยการเพิ่มอีเวนท์ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว