นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 33.78/79 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.72 บาท/ดอลลาร์
ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.57-33.83 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทเย็นนี้อ่อนค่าจากช่วงเช้า แต่ทั้งนี้ ไม่ได้ มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทได้มากนัก เป็นเพียงที่ตลาดรับข่าวจากเมื่อคืนวันศุกร์ (7 มี.ค.) ที่ตัวเลขการจ้างงาน นอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าที่คาด จึงทำให้นักลงทุนเชื่อว่า มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยนโยบายได้ 3 ครั้งภายในปีนี้
"บาทอ่อนค่าจากเช้า แต่วันนี้ไม่ได้มีปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินมากนัก มีเพียงราคาทองปรับสูงขึ้น ช่วงนี้ตลาดยังรับข่าวตัวเลข Nonfarm payroll ของสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด นักลงทุนจึงมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ถึง 3 ครั้งในปีนี้" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.30 - 33.90 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.33/35 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้า ที่ระดับ 147.21 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0852/0854 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้า ที่ระดับ 1.0868 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,177.44 จุด ลดลง 24.59 จุด (-2.05%) มูลค่าการซื้อขาย 34,290.22 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้ขายสุทธิ 3,386.47 ล้านบาท
- บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบในหลักการแจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ช่วง
- นายกรัฐมนตรี ประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า กำชับให้ทุกกระทรวงเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน
- กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 2.576 แสนล้านเยน (1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- ราคาพันธบัตรรัฐบาลจีน ปรับตัวลงในวันนี้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ
- รมว.ที่อยู่อาศัยและการพัฒนาพื้นที่เขตเมืองและชนบทของจีน ระบุว่า จีนมีความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูเสถียรภาพของตลาด
- สถาบันพัฒนาเกาหลี (KDI) ระบุว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้ กำลังเผชิญความเสี่ยงขาลงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมา
- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคเดือนก.พ., ตัว
เลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ., จำนวนผู้
ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมี.ค.