กกร.ตั้งแถวยกคณะพบนายกฯ บ่ายพรุ่งนี้ถกเข้มมาตรการรับมือนโยบาย "ทรัมป์ 2.0"

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 12, 2025 13:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ซึ่งประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เตรียมเข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงมาตรการรองรับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.68)

"ช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ ผู้บริหาร กกร.จะเดินทางไปพบนายกฯ เพื่อหารือถึงมาตรการรองรับผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0" นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. กล่าว

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ในช่วงต้นเดือน เม.ย.68 สหรัฐจะพิจารณากำหนดกำแพงภาษีกับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มเติม ซึ่งไทยอาจเข้าข่าย เพราะปีที่ผ่านมาไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐราว 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์

มาตรการที่ภาคเอกชนจะนำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อรับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐมีหลายเรื่อง เช่น การจัดซื้อของหน่วยงานภาครัฐขอให้กำหนดสัดส่วนสินค้าที่มาจากผู้ผลิตในประเทศ (Made in Thailand) เพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 50% หรือคิดเป็นมูลค่าราว 4-5 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในประเทศ อีกทั้งไม่สร้างภาระทางการคลัง

ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีมาตรการป้องกันสินค้าราคาถูกจากจีนทะลักเข้ามาแข่งขันกับสินค้าที่ผลิตในประเทศ โดยในเดือน ม.ค.68 มียอดนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น 27% จากเดือน ม.ค.67 กระทบกับ 24 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยมาตรการที่ทางการอาจหยิบยกมาใช้ได้ เช่น การกวดขันมาตรฐานสินค้าด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก เป็นต้น จะนำเสนอทั้งมาตรการระยะสั้น กลาง และยาว

"ผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0 เป็นเรื่องเร่งด่วน หลังหารือกับนายกฯ แล้วเชื่อว่าจะมีมาตรการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน" นายเกรียงไกร กล่าว

ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการดิจิทลวอลเล็ตเฟส 3 ต้องรอดูผลลัพธ์ที่ตามมา ตอนนี้เร็วเกินไปที่จะแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ และรัฐบาลน่าจะมีเหตุผลในการดำเนินโครงการดังกล่าว

ส่วนการพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ซึ่งภาคเอกชนก็มีข้อเสนอแนะให้ดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อผู้ประกอบการรายย่อย และพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสม

"ภาคอุตสาหกรรมไม่ขัดเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ขอให้แรงงาน Upskill Reskil Newskill เพราะนายจ้างพร้อมจ่ายค่าแรงแบบ Pay by Skil ซึ่งในบางอุตสาหกรรมได้ค่าจ้างสูงถึงวันละ 1 พันบาท" นายเกรียงไกร กล่าว

ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลจัดตั้งกองทุน TESGX เข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดทุน และสร้างความเชื่อมั่น เนื่องจากตลาดหุ้นเกิดความตื่นตระหนกได้ง่าย ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐบาลดำเนินการได้ดีแล้ว โดยส่งเสริมธุรกิจที่มีความยั่งยืนสอดคล้องกับทิศทางของโลกที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับการดูแลสิ่งแวดล้อม

ส่วนเรื่องค่าไฟนั้นทางภาคเอกชนกำลังรอดูนโยบายของรัฐบาลว่าจะมีมาตรการอย่างไรที่จะช่วยให้ภาคเอกชนสามารถแข่งขันกับต่างประเทศไทย เพราะค่าไฟฟ้าสูงจะเป็นต้นทุนสำคัญ มองว่าอัตราที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ 3.30-3.50 บาท/หน่วย แม้จะยังสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ