พาณิชย์ มั่นใจสภายุโรปกดดันไทยไม่กระทบเจรจา FTA ไทย-อียู ตั้งเป้าปิดดีลภายใน 25 ธ.ค.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 14, 2025 12:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พาณิชย์ มั่นใจสภายุโรปกดดันไทยไม่กระทบเจรจา FTA ไทย-อียู ตั้งเป้าปิดดีลภายใน 25 ธ.ค.

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงรัฐสภายุโรปมีมติประณามไทยกรณีส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับจีน และเรียกร้องให้ไทยแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน การลี้ภัย สิทธิมนุษยชน รวมถึงเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปใช้การเจรจาจัดทำความตกลงการค้า (FTA) ระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (EU) กดดันให้ไทยปฏิรูปกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะจากการประชุมทางไกลกับนายมารอส เซฟโควิช กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร และความโปร่งใส เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ทั้ง 2 ฝ่ายแสดงจุดยืนร่วมกันที่จะเร่งการเจรจาให้จบโดยเร็ว เพื่อขยายโอกาสทางการค้า การลงทุน รวมถึงลดอุปสรรค และอำนวยความสะดวกทางการค้า เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการของ 2 ฝ่ายให้มากขึ้น

"การพูดคุยบรรยากาศดีมาก เพราะ 2 ฝ่ายแสดงจุดยืนร่วมกันที่จะเร่งรัดการเจรจาให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งผมได้แจ้งไปว่านายกรัฐมนตรีของไทยต้องการให้จบภายในปีนี้ และไม่ได้พูดถึงเรื่องการส่งกลับอุยกูร์ หรือเอาประเด็นการเมือง หรือปัญหาอื่น ๆ มากดดันเราเลย และไม่น่าจะทำให้การเจรจาหยุดชะงัก หรือยกเลิกการเจรจา ซึ่งฝ่ายอียูก็พุดเองว่าจะให้จบภายในวันที่ 25 ธ.ค.นี้" นายพิชัย กล่าว

ซึ่งขณะนี้ การเจรจา FTA ไทย-EU ดำเนินไปแล้ว 4 รอบ โดยสามารถสรุปผลการเจรจาได้ 2 บท และเริ่มหารือเรื่องการเปิดตลาดสินค้าและบริการแล้ว สำหรับการเจรจารอบที่ 5 ฝ่าย EU จะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 31 มี.ค. - 4 เม.ย.68 โดยไทยกับอียู จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถบรรลุผลการเจรจา FTA ภายในวันที่ 25 ธ.ค. 68

อย่างไรก็ตาม ผลการเจรจาจะออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับการต่อรอง หาก EU เสนออะไรที่ไทยทำไม่ได้ก็จะไม่รับ โดยคณะเจรจาฝ่ายไทย ย่อมเจรจาโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนไทยอยู่แล้ว

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า FTA เป็นสิ่งสำคัญ ท่ามกลางปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ไทยและ EU มีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อข้อกำหนดในข้อตกลง แต่ความยืดหยุ่นและความช่วยเหลือทางวิชาการจาก EU จะมีส่วนช่วยให้การเจรจาประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น

"การเร่งสรุป FTA ไทย-EU ไม่ใช่แค่การเพิ่มมูลค่าการค้า แต่เป็นก้าวสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทย โดยไทยจะใช้ประโยชน์จากข้อตกลงนี้เพื่อขยายตลาด ลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ และดึงดูดนักลงทุนจากยุโรปให้มากขึ้น โดย FTA ฉบับนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และช่วยให้ไทยปรับตัวได้ดีขึ้นต่อการแข่งขันในเวทีโลก" นายพิชัย กล่าว

ด้าน น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้การเจรจา FTA ไทย-EU ยังเดินหน้าต่อไป โดยจะเจรจารอบที่ 5 ที่อียูเป็นเจ้าภาพวันที่ 31 มี.ค.-4 เม.ย.นี้ น่าจะได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับ EU ในประเด็นนี้ด้วย แต่การที่รัฐสภายุโรปมีมติแบบนั้นก็เป็นเรื่องที่ทางฝ่ายนั้นจะต้องทำตามขั้นตอนของสภายุโรป ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าจะมีปัญหา หรือทำให้การเจรจาล่าช้าออกไป

อย่างไรก็ตามประเมินว่า การเจรจาไม่น่าจะชะลอออกไป น่าจะเจรจาต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เพราะประเด็นที่รัฐสภายุโรปมีมติออกมาเกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมือง ความมั่นคง มากกว่าด้านเศรษฐกิจ

"เรายังคงตั้งเป้าเจรจาให้เสร็จโดยเร็ว สำหรับประเด็นต่าง ๆ กระทรวงพาณิชย์ จะประสานใกล้ชิดกับกระทรวงการต่างประเทศ ขณะนี้คงต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่อไป" น.ส.โชติมา กล่าว

อนึ่ง EU เป็น คู่ค้าลำดับที่ 4 ของไทย (รองจากจีน, สหรัฐฯ และญี่ปุ่น) โดยมีมูลค่าการค้ารวม 43,533 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.54 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็น 7.17% ของการค้ารวมของไทยกับโลก ไทยส่งออกไป EU มูลค่า 24,205 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 850,000 ล้านบาท) สินค้าส่งออกสำคัญอาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบอัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และชิ้นส่วน ขณะที่ไทยนำเข้าจาก EU มูลค่า 19,328 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 687,000 ล้านบาท) สินค้านำเข้าสำคัญ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องบินและอุปกรณ์การบิน เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรไฟฟ้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ